กทม. 15 พ.ค.-ตำรวจ บก.น.9 แถลงจับคนร้ายหลอกซื้อนาฬิกาหรู ก่อนใช้ไรเดอร์สวมรอยยกเลิกส่งพัสดุ แล้วนำสินค้าไปขายต่อ สร้างความเสียหายมากกว่า 2 ล้านบาท
เวลา.10.25.น. โดย พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 แถลงข่าวการจับกุมนายนพรัฐ ศิริอัง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีถึง 3 หมาย ที่ก่อเหตุ ในพื้นที่สนบางขุนเทียนท่าข้ามและหลักสอง ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวก แก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร จับกุมได้ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางขุนเทียน
โดยพฤติการณ์ของคนร้าย จะทำทีติดต่อขอซื้อ สินค้ามีค่า เช่นนาฬิกาหรู และเพชร จากผู้เสียหายที่โพสต์ขายส่วนตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งคนร้ายจะให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดเพื่อแสดงความเจตจำนงว่าอยากจะได้สินค้าโดยเร็ว
เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว ก็จะวีดีโอคอลให้ผู้เสียหาย ได้เห็นขั้นตอนการนำสินค้าไปส่ง จนถึงการแพ็คสินค้าที่ จุดรับฝากของบริษัทขนส่ง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการส่งสินค้าจริง โดยนายนพรัตน์จะเป็นคนเลือกให้ผู้เสียหายไปส่งที่บริษัทขนส่งในพื้นที่ของผู้เสียหายที่นายนพรัตน์ได้สำรวจแล้ว
หลังจากผู้เสียหายส่งของเป็นที่เรียบร้อยแล้วคนร้ายก็จะทำทีให้ผู้เสียหายออกมาจากจุดรับฝากของก่อนจาก Video Call เพื่อให้ผู้เสียหายส่งเลข Track หรือรหัสพัสดุให้กับคนร้ายเพื่อยืนยันว่าส่งของแล้วจริงโดยคนร้ายออกอุบายว่าจะโอนเงินให้เมื่อส่งเลขรหัสพัสดุมา เมื่อคนร้ายได้รหัสเลขพัสดุมาแล้ว ก็จะว่าจ้างให้ไรเดอร์ มารับพัสดุ โดยส่งมอบเลขรหัสพัสดุให้แก่ Rider เพื่อที่พนักงานได้ส่งมอบพัสดุแก่ไรเดอร์ โดยให้ไรเดอร์อ้างกับพนักงานว่ายกเลิกการส่งพัสดุดังกล่าว และจะนำพัสดุไปส่งเอง หลังจากนั้นอะไรเด้อก็จะนำพัสดุไปส่งมอบให้กับ นายนพรัตน์ ก่อนที่นายนพรัตน์จะนำไปขายต่อตาม ร้านรับซื้อของเก่า
ส่วนฝั่งผู้เสียหายเองเพราะเห็นว่าผ่านไปแล้วเงินยังไม่ได้รับโอนมาก็เลยจับผิดสังเกตเมื่อไปติดตามพัสดุที่ร้านรับส่งพัสดุก็ปรากฏว่าพัสดุดังกล่าวถูกยกเลิกแล้วเลยทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงมาแจ้งเข้ามาแจ้งความกับตำรวจสนทั้ง 3 สน
พล.ต.ต.ประสงค์ ระบุว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้งในช่วงรอบปีที่ผ่านมา แต่พบการกระทำความผิดในพื้นที่บกน 9 แล้ว 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องเพชรมูลค่า 1,400,000 บาท นาฬิกา Rolex 2 เดือนรวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท รวมมูลค่าของกลางวัน 2 ล้านบาท ส่วนอีก 2 คดี อยู่ในระหว่าง การตรวจสอบข้อเท็จจริง โดนตำรวจเชื่อว่าคดีนี้มีตัวการใหญ่ที่อยู่เหนือนายทวีรัตน์ไปอีก และมีการวางแผนอย่างดีเพราะได้ใช้บัญชีมาในคดีนี้ โดยนายนพรัตน์ จะได้รับเงินเป็นค่าจ้าง ครั้งละ 10,000 บาท ก่อนที่นายนพรัตน์จะโอนกระจายไปยังบัญชีม้า ซึ่งทางตำรวจจะขยายผลเพื่อจับกุมตัวการใหญ่และบัญชีม้ามาดำเนินคดีให้ได้ สำหรับการสอบปากคำนายนพรัตน์อ้างว่า ไม่ได้กระทำความผิด เพราะไม่ได้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อ้างว่าตนทำอาชีพซื้อขายของเก่าเป็นอาชีพสุจริตอยู่แล้ว ตนเป็นเพียงแค่ผู้ทำหน้าที่ตัวกลาง แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจ เชื่อ ในคำให้การ
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่า ทำไมถึงไม่มีการดำเนินคดีการรับของโจรกับ ร้านที่รับซื้อของเก่า พล.ต.ต.ประสงค์ อธิบายว่าเนื่องจากมี พรบควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ 2474 ที่ระบุว่า หากผู้รับซื้อได้รับใบอนุญาต ในการเปิดกิจการ รับซื้อของเก่าโดยชอบ และ ในการซื้อขายแต่ละครั้ง ได้จดรายละเอียด และบันทึก ข้อมูลของผู้ขาย รวมทั้งซื้อขายในราคาตลาดถือว่ามีเจตนารับซื้อโดยสุจริต ไม่ผิดกฎหมาย กรณีนี้ร้านรับซื้อของเก่ามีเจตนาสุจริตและกระทำถูกตามกฎหมายอีกทั้งไม่ทราบว่านายนพรัตน์นำของผิดกฎหมายมาขายด้วยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ ร้านรับซื้อของเก่า ได้เอะใจสงสัยตัวนายนพรัตน์อยู่ เพราะได้นำนาฬิกา ถึง 4 เรือน กอปรกับนายนพนัฐพยายามขอเงินสด แต่ทางร้านไม่ยินยอม จึงโอนเข้าเลขบัญชีธนาคารแทน เพื่อประกอบไว้เป็นพยานหลักฐานในกรณีที่มีปัญหาในอนาคต
โดยขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อขายในรูปแบบนี้ กรณีที่เป็นของมีค่าในลักษณะแบบนี้ควรจะต้องไปส่งมอบสินค้าด้วยตัวเอง รวมทั้งฝากเตือนไปถึงบรรดาบริษัทขนส่งเอกชนให้ตรวจสอบการ ยกเลิกพัสดุว่าเป็นเจ้าของพัสดุจริงหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากว่าไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันก็ไม่ควร คืนพัสดุให้ ระวัง จะถูกเจ้าของพัสดุฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ได้.-414.-สำนักข่าวไทย