คาดตัดนิ้ว 10 นิ้ว อำพรางศพหนุ่มเกาหลี

12 พ.ค. – รอง ผบช.น. ระบุคดีฆ่าชายชาวเกาหลีโบกปูนถ่วงน้ำ ตัดนิ้วทิ้ง 10 นิ้ว คาดอำพรางศพ ด้านพี่สาวอยู่ระหว่างเดินทางมาไทย ยันผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด


กรณีคดีหนุ่มเกาหลีใต้ อายุ 34 ปี ถูกสองเพื่อนร่วมชาติฆ่า นำร่างยัดใส่ถัง 200 ลิตร แล้วโบกปูนถ่วงน้ำที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยก่อนหน้านี้ยังมีข้อมูลจากแม่ผู้เสียชีวิตที่อยู่เกาหลีได้รับสายปริศนาว่า “ลูกชายได้นำยาเสพติดไปทิ้งน้ำ ทำให้ได้รับความเสียหาย แม่ต้องเอาเงินมาให้จำนวน 3 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นลูกชายจะถูกฆ่าตาย” ด้วยความเป็นห่วง จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับสถานฑูตเกาหลี เพื่อประสานมาทางยังตำรวจ ให้เร่งติดตามตัว สุดท้ายตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนตามไปเจอและพบเป็นศพแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 14.00 น. จะเดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.มักกะสัน ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนร่วม เพราะมีพื้นที่เกี่ยวเนื่อง โดยจุดเกิดเหตุ คือ สน.มักกะสัน และขณะนี้พี่สาวของผู้เสียชีวิต กำลังบินมาจากเกาหลีแล้ว ก็จะมีการตรวจยืนยันอัตลักษณ์บุคคลให้ชัดเจน


เบื้องต้นสภาพศพ แพทย์ระบุว่า นิ้วทั้ง 10 นิ้วถูกตัด ซึ่งการตัดนิ้วก็ถือเป็นการอำพรางศพ เพื่อไม่อยากให้ตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือได้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าตัดก่อนหรือตัดหลังการเสียชีวิต หากตัดนิ้วก่อนเสียชีวิตจะถือเป็นการทรมาน และหากตัดหลังการเสียชีวิต ก็เพื่อไม่ให้ตรวจหาเจอว่าผู้ตายคือใคร หลังพบศพจึงเป็นประเด็นที่จะต้องตั้งไว้เรื่องของการตัดนิ้ว

ทั้งนี้หาก วิเคราะห์พฤติการณ์ คือคนเกาหลีด้วยกัน และทางเพื่อนหรือทางญาติของผู้เสียชีวิต ก็ยืนยันว่า ผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดังนั้นจึงต้องทำการสืบสวนก่อน และจะต้องตรวจสภาพศพว่ามีสารเสพติดหรือไม่ด้วย ส่วนจุดที่ ใช้ฆ่า อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ เพราะเบื้องต้นพบว่าออกจากกรุงเทพไปแล้ว จะเป็นระหว่างทางหรือที่ไหนอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด

อย่างไรก็ตามตำรวจได้การสอบปากคำ บุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วบางส่วน ทั้งภรรยา เพื่อน และญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งทุกคนยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ขณะที่การสอบปากคำภรรยา ให้การเป็นประโยชน์ และบอกว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้สนิทสนมกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน เพียงแค่ไปเจอกันที่อาร์ซีเอเท่านั้น


ขณะที่ผู้ก่อเหตุอีก 1 ราย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ยังไม่พบว่ามีการออกทางด่าน ตม. ส่วนจะออกทางช่องทางธรรมชาติหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก