กรมราชทัณฑ์ 8 พ.ค.-อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แจงกรณี “ทักษิณ” พบกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา เป็นดุลยพินิจกรมคุมประพฤติตรวจสอบ หากผิดเงื่อนไขรุนแรงต้องส่งกลับเรือนจำฯ ถ้าไม่รุนแรงต้องตักเตือน ทำความเข้าใจ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างพักการลงโทษและคุมประพฤติ ได้ประสานกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่าว่า กรณีดังกล่าวคงต้องไปตรวจสอบจากข้อเท็จจริงก่อน ต้องดูเงื่อนไขที่กรมคุมประพฤติดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่สามารถสรุปได้ว่ากระทำได้หรือไม่ได้ คาดว่าทางกรมคุมประพฤติอาจอยู่ระหว่างพิจารณาว่าตรงไหนที่อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถกระทำได้หรือกระทำไม่ได้ ก็คงจะต้องมีการพูดคุยและทำความเข้าใจกับอดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ถ้าผู้ที่อยู่ระหว่างการพักโทษทำไม่ถูกต้อง ทางกรมคุมประพฤติก็จะเป็นผู้แจ้ง และให้ผู้ถูกคุมประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง ส่วนกรณีหากจะต้องส่งผู้ถูกคุมประพฤติกลับเรือนจำนั้น ต้องเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ซึ่งถ้าหากผิดเงื่อนไขแต่ไม่ได้รุนแรงก็สามารถทำความเข้าใจ บอก หรือตักเตือนได้ ทั้งนี้ จำนวนครั้งของการตักเตือนค่อนข้างมีความยืดหยุ่น เพราะบางครั้งผู้ที่อยู่ระหว่างพักโทษอาจจะไม่ทราบ หรือเข้าใจว่าทำได้ ดังนั้น กรมคุมประพฤติจะต้องไปทำความเข้าใจ เป็นดุลพินิจของนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ
ส่วนเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามเดินทางกลับไทย โดยอาจประสานใช้สถานทูตใดประเทศหนึ่งเป็นสถานที่ในการรายงานตัวนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประสานจะใช้สถานทูตใดเป็นสถานที่ในการรายงานตัว และยังไม่มีการประสานมา คือจริงๆ แล้วกรณีบุคคลใดก็ตามที่อยู่ต่างประเทศ เขาจะต้องประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพราะที่ผ่านมา เวลาใครจะกลับเข้ามาก็ต้องมีการประสานกับตำรวจไว้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องไปรับตัว และนำส่งศาล จากนั้นศาลก็จะอ่านคำพิพากษา และราชทัณฑ์จึงจะไปรับตัวมา ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเรา เป็นอำนาจของตำรวจ
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล หรือทางครอบครัวได้ประสานในเรื่องนี้หรือไม่นั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ยังไม่มีเรื่องนี้เข้ามา. -119-สำนักข่าวไทย