สืบนครบาล รวบ “จินดาดวง” โจรต้มตุ๋นตัวแสบ

กทม. 5 พ.ค. – ถูกจับหลายรอบ ไม่เคยเข็ด สืบนครบาล รวบ “จินดาดวง” โจรต้มตุ๋นตัวแสบในโลกออนไลน์ อ้างยศ พ.ต.อ. ใช้สลิปปลอมหลอก


เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะรี สว.กก.สส.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 ชุดปฏิบัติการที่ 1 ดำเนินการ จับกุมตัว นายจินดาดวง อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” โดยจับกุมตัวได้ที่หอพักใน ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ในคดีนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2567 ตนได้ทำการสั่งซื้อกระเป๋า ยี่ห้อกุ๊ชชี่ ผ่านทางมาร์เก็ตเพลส โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อ Jindaduang Duangjinda เมื่อตกลงซื้อขายสินค้าแล้วผู้เสียหายกำลังจะส่งสินค้าให้ตน ก็จะส่งสลิปการโอนเงิน โดยเป็นสลิปที่ตนโหลดมาจากอินเตอร์เน็ต แล้วนำมาแก้ไขชื่อ แล้วส่งให้ทางผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ส่งสินค้าให้กับผู้ต้องหาไป ผู้เสียหายอ้างว่า เมื่อได้รับสินค้าแล้วก็จะนำไปขายตามร้านที่รับซื้อ โดยส่งผ่านแมสเซนเจอร์ แต่ทางร้านไม่รับซื้อเนื่องจากผู้เสียหายได้โพสต์เตือนภัยไว้ก่อนแล้ว แต่ตนก็ไม่ได้รับของคืนแต่อย่างได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เนื่องจากเมื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมของนายจินดาดวงฯ แล้ว พบว่ามีประวัติก่อเหตุในลักษณะเดียวกันและถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง


โดยครั้งล่าสุดถูกจับกุมตามหมายจับในข้อหาฉ้อโกงเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม คดี สน.ท่าข้าม ซึ่งปัจจุบันยังตรวจพบการเตือนภัยจากกลุ่มผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายราย ตรวจสอบพบประวัติและพฤติการณ์เดิมๆ จำนวนมากเกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ เช่นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ถูกจับกุมตามหมายจับโดยก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายเป็นหญิงสาววัย 40 ปี ติดต่อขอเช่าซื้อพระเครื่อง จากผู้เสียหายผ่านทางแอปพลิเคชันแมสเซนเจอร์ ซึ่งได้ทำสลิปการโอนเงินปลอม หลอกผู้เสียหายว่าได้โอนเงินแล้ว จากนั้นได้ให้พนักงานไรเดอร์ขับไปรับพระมาส่งให้ตนเอง ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการส่งสลิปมาให้ดู แต่ไม่ทันได้สังเกตและกดเข้าแอปไปดู ก่อนจะติดต่อไม่ได้แล้วหลบหนีไป ก่อนถูกจับกุมตัวได้ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายเดินทางมาชี้ตัวที่ สน.โชคชัย

นอกจากนี้นายจินดา เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2560 พร้อมของกลาง พระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ พร้อมกล่อง จำนวน 1 องค์ พระเครื่องหลวงหลวงพ่อโสธร พร้อมกล่อง จำนวน 1 องค์ โทรศัพท์มือถือยี้ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ G-LIVE จำนวน 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีม่วงดำ จำนวน 1 คัน อ้างชื่อบิ๊ก ตร. ตุ๋นเช่านาฬิกาหรูมูลค่าเกือบล้านโดยผู้ต้องหาได้หลอกให้มีการนัดหมายเดินทางมาส่งมอบพระเครื่องที่ประกาศขายในเว็บไซต์ชื่อดัง โดยคนร้ายทำทีโทรศัพท์เข้ามาติดต่อเช่าพระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ และพระเครื่องหลวงหลวงพ่อโสธร มูลค่ากว่า 800,000 บาท ของเหยื่อ เมื่อถึงตามเวลานัดหมายทางคนร้ายได้ใช้กลอุบายแจ้งว่า ได้โอนเงินเข้าบัญชีไปแล้ว จำนวน 770,000 บาท และส่งหลักฐานให้ดู จนเหยื่อหลงเชื่อจึงได้มอบพระเครื่องดังกล่าวให้

ต่อมามีผู้เสียหายอีกรายเข้าแจ้งความกับทาง ตำรวจ สน.โชคชัย อีก โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้โพสต์ขายนาฬิกา ยี่ห้อ โรเล็กซ์ รุ่น oysterflex BK M BLACK จำนวน 1 เรือน ราคา 645,000 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ชื่อดัง ต่อมามีผู้ติดต่อขอซื้อ โดยอ้างว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยศ พ.ต.อ. เป็นผู้สนใจจะซื้อ แต่ให้เจ้าตัวติดต่อแทน จากนั้นคนร้ายทำเนียน โดยนัดให้ผู้เสียหายนำนาฬิกามาให้ดูที่ สน.โชคชัย ในวันดังกล่าว เมื่อมาถึงผู้เสียหายได้ยืนพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ด้านข้าง สน.โชคชัย จากนั้นคนร้ายอ้างว่าจะนำนาฬิกาขึ้นไปให้ นายตำรวจ บน สน. ดูที่ห้องทำงานชั้น 2 และพาผู้เสียหายเข้ามาให้นั่งรอที่ด้านในห้องพนักงานสอบสวนเวร จากนั้นผู้ต้องหาก็เอานาฬิกาจากผู้เสียหาย และทำทีเดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน ผ่านไปสักพักผู้ต้องหาก็ไม่ลงมา ผู้เสียหายจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อ ปรากฎว่าปิดเครื่องไปแล้วไม่สามารถติดต่อได้ และตามตัวไม่พบ ผู้เสียหายจึงสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่านายตำรวจที่ถูกอ้างชื่อคนดังกล่าว ได้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นนานแล้ว


จากการตรวจสอบประวัติในฐานระบบ พบประวัติดังนี้

  1. ปี 2556 ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ของ สน. โชคชัย
  2. ปี 2560 ข้อหา ตัวการลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ สน. โชคชัย
  3. ปี 2560 ข้อหา ตัวการลักทรัพย์ สน.โชคชัย
  4. ปี 2560 ข้อ ตัวการลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 , 335, 335 ทวิ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด สน.โชคชัย
  5. ปี 2566 ข้อหา ตัวการฉ้อโกง สภ.สำโรงเหนือ
  6. ปี 2567 ข้อหา ฉ้อโกง สน.ท่าข้าม
  7. ปี 2567 ข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น สน.ลาดพร้าว

จากนั้นได้นำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือน กลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีหลากหลายกลวิธี รวมถึงมีการซื้อขายโปรแกรมแก้ไขข้อมูลสลิปโอนเงินบนแอปฯธนาคาร เพื่อปลอมสลิปการโอนเงิน ซึ่งข้อมูลบนสลิปปลอมดังกล่าว ดูคล้ายกับสลิปที่มีการโอนเงินจริง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้รับโอน วันที่ เวลา และจำนวนเงิน แนะนำพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ปลอมสลิปโอนเงินผ่านมือถือ แนะตรวจสอบเทียบกับยอดแจ้งเตือนจากธนาคารทุกครั้ง หรือสแกน QR Code บน E-slip เพื่อความถูกต้อง.-413-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย