ตำรวจ บช.ปส.แถลงผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ

บช.ปส. 3 พ.ค. – พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ ระหว่าง 10-30 เม.ย.67 ยึดทรัพย์สิน 1,520 รายการ มูลค่า 369 ล้านบาท


พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.สมพงษ์ ใจจา รอง ผอ.ศปป.2.กอ.รมน. และตำรวจ บช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่ายทั่วประเทศ ในห้วงระหว่างวันที่ 10-30 เม.ย.67 จับกุมผู้ต้องหา 465 ราย ยึดทรัพย์สิน 1,520 รายการ รวมมูลค่ากว่า 369 ล้านบาท และแถลงผลการปฏิบัติของตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุมเครือข่ายยาเสพติด 8 เครือข่าย

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดในทุกพื้นที่เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยง รวมทั้งทำลายเครือข่ายยาเสพติดทุกระดับทั้งระบบ ประกอบกับนโยบาย ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และ รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกปราบปรามจับกุม ผู้ค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่และสืบสวนขยายผล ทุกคดี เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดทั้งของผู้ค้ายาเสพติดเอง รวมทั้งผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ


สำหรับผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่ายทั่วประเทศ ในห้วงระหว่างวันที่ 10-30 เม.ย.67 ซึ่งหน่วยที่ปฏิบัติการประกอบด้วย ตำรวจภูธรภาค 1-9, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส. ร่วมปฏิบัติในทุกพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเข้าตรวจค้น 703 เป้าหมาย และเป้าหมายจับ 209 หมายจับ ผลการปิดล้อมสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 142 คดี 143 คน จับกุมคดียาเสพติดรวม 421 คดี ผู้ต้องหา 465 คน ตรวจยึดยาเสพติดคือยาบ้ากว่า 11 ล้านเม็ด, ไอซ์ 936 กิโลกรัม, เคตามีน 0.591 กิโลกรัม, เฮโรอีน 22 กิโลกรัม, ยาอี 2 เม็ด และอิริมินไฟท์ 80 เม็ด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด, อาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน, สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน/ที่ดิน, ทองรูปพรรณ, รถยนต์, รถจักรยานยนต์, โทรศัพท์ และอื่น ๆ รวมตรวจยึดทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,520 รายการ รวมมูลค่า 369,765,953 ล้านบาท

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติในห้วง 20 วัน ของการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย ยาเสพติดรายสำคัญ 300 เครือข่าย จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนักเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง จนทำให้เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญที่กระจายอยู่หลายพื้นที่สั่นสะเทือน โดยในขณะนี้สำนักตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเน้นการปราบปราม ผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินการด้านการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ในห้วง 7 เดือน ที่ผ่านมา (ต.ค.66- เม.ย.67) สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 61,196 ราย เพิ่มขึ้นจาก ปีที่แล้ว จำนวน 15,976 ราย หรือเพิ่มขึ้น 35.33 % ขณะเดียวกันได้เน้นการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ทำให้สามารถสกัดกั้น จับกุมยาบ้าปริมาณ 100,000-500,000 เม็ด จับกุมได้ 149 คดี เพิ่มขึ้น 21 คดี คิดเป็น 16.41%, ยาบ้าตั้งแต่ 500,000 เม็ด จับกุมได้ 137 คดี เพิ่มขึ้น 52 คดี คิดเป็น 61.18% ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดยาบ้ารวม 522,555,662 เม็ด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 166 ล้านเม็ด คิดเป็น 47.56%, ยาอี 115,665 เม็ด เพิ่มขึ้น 15,514 เม็ด คิดเป็น 15.49 %, ยึดไอซ์ 8,407 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 390 กิโลกรัม คิดเป็น 4.84%, ยึดคีตามีน 3,807 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 879 กิโลกรัม คิดเป็น 30.02%, ยึดเฮโรอีน 649.27 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 223 กิโลกรัม คิดเป็น 52.33% และ ยึดโคเคน 20 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม คิดเป็น 95.32 % รวมทั้งเน้นการยึดทรัพย์สิน ซึ่งสามารถตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 4,862,700,747 บาท

ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า ในจำนวนนี้มีปฏิบัติการสำคัญของของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ที่สามารถจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ได้ทั้งหมด 8 เครือข่าย เป็นเครือข่ายที่มียาบ้ามากกว่า 2 ล้านเม็ดมากถึง 6 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 22 คน ตรวจยึดยาบ้า 32 ล้านเม็ด ไอซ์ 4.5 กิโลกรัม และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 5,600,000 บาท คาดว่าจะสามารถขยายผลยึดทรัพย์ได้เพิ่มเติมอีกถึงกว่า 50 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่า การสกัดกั้นจับกุมยาเสพติดทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จะส่งผลให้การลำเลียงยาเสพติดทำได้ยากขึ้น นำไปสู่การลดความต้องการซื้อและขาย และลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชนได้ จึงคาดว่าจะสามารถลดความต้องการขายลงได้ภายใน 2-3 ปีนี้


ด้าน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า จากการประกาศนโยบายซีลพื้นที่ชายแดนตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุม สกัดกั้น และตรวจยึดยาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงเข้ามาตามชายแดนได้เพิ่มมากขึ้นถึง 1 เท่าตัว และเร็ว ๆ นี้จะขออนุมัติบอร์ด ป.ป.ส. เพิ่มพื้นที่ซีลชายแดน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เช่น จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา เลย บึงกาฬ หนองคาย มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และต้องดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อลดการกระจายยาเสพติดในชุมชนซึ่งพบว่าสามารถจับกุมได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดในห้วง 7 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66-1 พ.ค.67 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 762 คดี ผู้ต้องหา 1,080 คน ของกลางยาบ้า 220,458,033 เม็ด, ไอซ์ 4,822 กิโลกรัม, เฮโรอีน 262 กิโลกรัม, เคตามีน 1,971 กิโลกรัม และยาอี 550 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1,097 ล้านบาท. -419 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]