“กัน จอมพลัง” พาลูกสาวผู้เสียหายบุกยื่นถอนประกัน ตร.รีดเงิน อ้างช่วยคดี

บก.ปปป. 23 เม.ย. – “กัน จอมพลัง” พร้อมลูกสาวผู้เสียหายบุก ปปป.ยื่นถอนประกันตำรวจรีดเงินอ้างช่วยคดี หลังถูกคุกคามบุกถึงบ้านพักให้ช่วยเซ็นยอมความ 3 ครั้ง


นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมลูกสาวผู้เสียหายที่ถูกนายตำรวจ วัย 56 ปี ตำแหน่ง สว.(สอบสวน) สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ข่มขู่เพื่อให้กลับคำให้การ กรณีที่ถูกรีดเงิน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือทางคดี

นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า มีอดีตตำรวจคนหนึ่งเคยมีประเด็นกับผม ซึ่งตำรวจคนดังกล่าวเคยทำคดีของพ่อผู้เสียหายแล้วรีดเงิน 100,000 บาท ผมเคยมาที่บก.ปปป. ประสานกับทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มอบหมายให้ บก.ปปป.ลงพื้นที่ไปจับกุม วางแผนกัน 2 สัปดาห์ จนสามารถจับกุมได้เงินในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง 50,000 บาท จากนั้นถูกนำตัวมายัง บก.ปปป. และให้ประกันตัว ต่อมาถูกให้ออกจากราชการ ระหว่างนี้ได้บุกไปบ้านผู้เสียหาย 3 ครั้ง โดยไปที่บ้านในจังหวัดสุโขทัย 1 ครั้ง และบ้านในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2 ครั้ง พร้อมนำเอกสารไปให้เซ็นเพื่อให้กลับคำให้การ อ้างขอความเห็นใจหากต้องถูกออกจากการเป็นตำรวจจะลำบาก หากส่งศาลอาจจะไม่ได้ประกันตัว ชีวิตเขาจบเลย จึงถามสังคมว่า เราอยากให้ตำรวจที่มีพฤติกรรมเช่นนี้กลับมารับราชการทำงานเพื่อประชาชนอีกหรือไม่


นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ผมถามว่าตอนทำคิดถึงสภาพครอบครัวของผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายต้องนำรถทุกคันไปจำนำจำนองเพื่อนำเงินมาให้และที่บอกว่าเคลียร์อัยการได้ เป็นอัยการคนไหน ตอนทำไม่เห็นใจเขา ตอนนี้มาร้องขอโอกาส ตนได้สอบถามไปยังอัยการในคดีของผู้เสียหาย อัยการระบุว่าคดีดังกล่าวมีโอกาสสั่งไม่ฟ้อง หรือเพราะเห็นว่าคดีมีโอกาสสั่งไม่ฟ้องจึงรีดเงินกับผู้เสียหายใช่หรือไม่ แล้วไปถึงบ้าน รู้จักบ้านผู้เสียหายได้อย่างไร คดีผ่านมานานแล้ว ทำไมยังวนเวียนไปตามผู้เสียหายได้ นอกจากนี้ยังมีอดีตตำรวจของ ปปป. ซึ่งย้ายไปอยู่ที่ใหม่ได้โทรมาหาผู้เสียหายให้กลับคำให้การ คนที่ช่วยก็ต้องถูกดำเนินการด้วย ตำรวจที่ดีมีเยอะ ส่วนคนนอกรีดจะส่งข้อมูลให้ บก.ปปป.ดำเนินการต่อไป ส่วนการคุกคามจะยื่นขอถอนประกัน ด้านคดีความจะมาประสานให้ตำรวจ บก.ปปป.ดำเนินการให้รวดเร็ว

ด้านลูกสาวผู้เสียหาย ได้เล่าพฤติการณ์ของตำรวจคนดังกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ที่บ้านตนเองในจังหวัดสุโขทัย ตำรวจคนดังกล่าวได้มาพร้อมภรรยาและลูกได้มาขอในลักษณะให้เห็นใจ ว่าทางภรรยาเป็นมะเร็ง และมีลูกเล็ก 2 คน จากนั้นหลังสงกรานต์มาพร้อมภรรยาและลูกอีกครั้งที่บ้านตนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมบอกว่า เราไม่ได้เกลียดกัน ไม่ได้เป็นศัตรูกัน อ้างว่าที่เอาเงินไปเพื่อจะช่วยเหลือเราจริง ๆ และยังอ้างอีกว่าต้องนำเงินไปให้อัยการแต่ไม่ได้ระบุชื่อ

ลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า จนล่าสุดเมื่อวานนี้ที่บ้านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มาอีกครั้ง เขาถือเอกสารมาด้วย บอกว่าตอนนี้จวนเจียนแล้ว ให้ช่วยเซ็นเอกสารให้เพราะเกรงว่าจะไม่ได้ประกันตัว ตนจึงบอกว่าขอถามทาง “กัน จอมพลัง” ก่อน


เมื่อถามว่ามีการส่งตำรวจมาช่วยพูดคุยหรือเคลียร์ให้หรือไม่ ลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า ต้นปีที่ผ่านมามีตำรวจที่เป็นคนที่สอบปากคำเรา ได้โทรมาบอกว่าเราได้ทำบุญให้ปล่อยนกปล่อยปลาไป โทรมาในลักษณะเพื่อจะขอเคลียร์แทนแต่ไม่ได้ข่มขู่ เวลาที่เขามาบ้านรู้สึกกลัว เพราะเขารู้ได้อย่างไรว่าบ้านอยู่ที่ไหน ทำไมมาถูก เพราะที่บ้านเรามีแม่อายุ 61 ปี และลูกอายุ 11 ปี อาศัยอยู่

ลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า พฤติกรรมครั้งแรกเขาบอกเราว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้ พ่อจะต้องติดคุก เราพยายามไปอ้อนวอนเขาว่าเราไม่มีเงิน แต่ตอนนี้เขากลับมาพูดขอความเห็นใจกับเรา ตอนนี้ต้องการความยุติธรรมให้ครอบครัวตัวเอง เพราะครอบครัวโดนกระทำโดนรีดเงิน เพราะมั่นใจว่าครอบครัวไม่ผิด เราพยายามส่งหลักฐานไปให้เขาก็ไม่สนใจ ทั้งนี้ จะยังต้องอยู่ที่เดิมเพราะเป็นบ้านเกิด แต่เป็นแบบนี้ทำให้เราหวาดระแวง อยากบอกว่าช่วยอะไรเขาไม่ได้ ให้เป็นไปตามความจริง

สำหรับกรณีนี้เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ได้วางแผนเข้าจับกุมพ.ต.ท.วัย 56 ปี ตำแหน่ง สว.(สอบสวน) สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี หลังมีพฤติการณ์เรียกรับสินบนจากบิดาผู้เสียหาย ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาทุบตึก ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” ได้ร้องเรียนไปยัง “กัน จอมพลัง” ว่าถูกตำรวจเรียกรับเงินสินบนค่าทำคดี จำนวน 1 เเสนบาท ซึ่งทางผู้เสียหายได้จ่ายเงินไปเเล้วก้อนเเรก จำนวน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 นัดที่ลานจอดรถของศาลากลางจังหวัดลพบุรี และให้จ่ายเงินที่เหลือในวันที่ 20 กันยายน 2566 ต่อมา “กัน จอมพลัง” ได้ประสานไปยัง บก.ปปป. เพื่อวางเเผนจับกุม โดยให้ผู้ต้องหาเอาเงินที่เหลืออีกก้อน จำนวน 5 หมื่นบาท ไปให้กับสารวัตรคนดังกล่าว ที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่งในอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี หลังจากที่ตำรวจคนดังกล่าวรับเงินจากผู้เสียหาย จึงซ้อนเเผนเข้าจับกุม พร้อมกับดำเนินคดี ซึ่งต่อมาถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ

ส่วนผู้เสียหายนั้น ตกเป็นผู้ต้องหาเนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2565 ได้รับการว่าจ้างจากผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ “นายบอย” ให้ไปทุบอาคารโรงงาน แต่เมื่อไปถึงสถานที่ก็รู้สึกเเปลกใจ เพราะไม่เหลือโครงสร้างหรือรูปร่างของอาคารแล้ว เนื่องจากถูกทุบไปก่อนหน้านี้ เหลือเพียงเศษซากเท่านั้น จึงทำได้เพียง เข้าไปรื้อเศษซากเเละโครงเหล็กออก แต่มาทราบภายหลัง ว่าที่ดินผืนดังกล่าวถูกธนาคารยึดอยู่ การเข้าไปรื้อถอนหรือกระทำการใดๆ นั้นถือว่าผิดกฎหมาย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็จะไม่เข้าไปทุบตึกดังกล่าวแน่นอน ซึ่งต่อมาก็ถูกออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” จากนั้น ตำรวจคนดังกล่าวก็มาเจรจาเสนอว่าจะช่วยเหลือทางคดี โดยเรียกรับสินบน 3 แสนบาท และได้ต่อรองจนเหลือ 1 แสนบาท. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]