21 เม.ย. – แม่อายุ 44 เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ระบุลูกชายประสบอุบัติเหตุคอหักเสียชีวิตระหว่างทำกิจกรรมของโรงเรียนในงานปัจฉิมนิเทศ จบการศึกษา แต่โรงเรียนปัดความรับผิดชอบทั้งหมด
น.ส.พัชรี อายุ 44 ปี มารดาของนายรัชวัต หรือน้องดีฟ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ เข้าขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมเล่าว่าเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกชายไปร่วมงานปัจฉิมนิเทศจบการศึกษาของทางโรงเรียน ด้วยรถบัสจำนวน 2 คัน โดยมีคณะครูและผู้บริหารพานักเรียนไปร่วมงาน และพาเด็กไปที่หาดนางรำ จ.ชลบุรี เพื่อเล่นน้ำ-พักผ่อน ต่อมาลูกชายเกิดอุบัติเหตุคอหักขณะเล่นฟุตบอลชายหาดกับเพื่อนๆ ทำให้ขยับร่างกายไม่ได้ ปากเขียว ก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 26 มีนาคม และจัดงานฌาปนกิจ ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม แต่เงินที่ได้รับการช่วยเหลือเยียวจากโรงเรียนกลับไม่เพียงพอและเหมาะสม
แม่น้องดีฟ เล่าว่าวันเกิดเหตุ (21 มี.ค.) ได้รับโทรศัพท์ จากลูกพี่ลูกน้องว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสบนหาดนางรำ ขณะเล่นฟุตบอลชายหาดกับเพื่อนจากการกระโดดพุ่งหัวลงน้ำทะเลเพราะบทลงโทษ โดยไม่มีใครรู้ว่าบริเวณดังกล่าวน้ำทะเลตื้นและทรายหนาแน่นจนทำให้ความเร็วและแรงที่ลูกชายพุ่งลงไป ทำให้คอหักทันที และรู้แค่ว่าลูกชายขยับตัวไม่ได้ ปากเขียวซีด เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือและนำร่างลูกชายส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ตนจึงรีบเดินทางไปเฝ้าอาการลูกชายด้วยความเป็นห่วง
หลังเกิดเหตุได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง และ สภ.สัตหีบ ซึ่งได้สอบถามว่าตนติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือประสงค์แจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากเพื่อนๆ ของลูกชายซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลูกชายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าในวันที่ 26 มีนาคม แพทย์แจ้งว่าชีพจรอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และท้ายที่สุดเสียชีวิตลง จึงเตรียมจัดงานศพให้ลูกชายแต่ตนและครอบครัวไม่มีเงิน ทำมาหากินรายวัน จึงไปสอบถามความช่วยเหลืจากทางโรงเรียน ตอนแรกทางโรงเรียนปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงความช่วยเหลือเรื่องเงิน ตนจึงไปอ้อนวอนขอกู้เงินจากครูประจำชั้นจำนวน 40,000 บาท โดยแจ้งว่าหากได้เงินประกันอุบัติเหตุลูกชายที่ทางโรงเรียนทำไว้จำนวน 100,000 บาท จะนำมาคืนให้ ซึ่งเงินประกันฯ ยังเบิกไม่ได้ เนื่องจากต้องเอกสารทางการแพทย์ทั้งใบรับรองแพทย์และใบชันสูตรศพ แต่เงินจำนวน 40,000 บาทนี้ ก็ยังไม่พอ จึงไปกู้เงินนอกระบบ รวมเบ็ดเสร็จแล้วเป็นหนี้กว่า 60,000 บาท
ขณะที่ทาง ผอ.โรงเรียน ได้ช่วยเหลือมา 12,000 บาท และช่วยเรื่องขนมหรือดอกไม้ในงานศพลูกชาย แต่ตนมองว่ายังไม่เหมาะสมหรือเพียงพอ เพราะตอนที่ใช้รถไปรับศพลูกชายจากโรงพยาบาล มาบ้านก็เสียเงินไป 8,000 บาท เวลาเรียกร้องไปทางโรงเรียนเรื่องเงิน ทางโรงเรียนก็อ้างว่าเงินในซองก็จำนวนเยอะแล้ว โรงเรียนไม่ได้มีเงินงบประมาณในส่วนนี้ ตนแค่ขอให้กระดูกลูกชายได้บรรจุในโกศ เพราะตอนนี้ถูกฝังอยู่ในดิน ทางโรงเรียนก็ไม่ช่วยเหลือแล้ว บอกว่าช่วยมาเยอะแล้ว
น.ส.พัชรี กล่าวต่อว่า ที่ตนไม่แจ้งความเอาผิดกับทางโรงเรียนและคณะครู เพราะมีครูคนหนึ่งแจ้งว่าผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนบอกว่า หากผู้ปกครองดำเนินคดีกับโรงเรียน ทางโรงเรียนจะไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงิน และจะไม่ให้ที่พักระหว่างเฝ้าอาการลูก เพราะความจน และอยากดูแลลูก อีกทั้งคงไม่มีปัญญาไปสู้คดี จึงไม่คิดจะแจ้งความ วันนี้ตนอยากขอความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกชายที่มีอนาคตอีกไกลและต้องการอยากรับราชการ เพื่อเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ตอนนี้ และเห็นแบบนี้ คงต้องลุกขึ้นมาสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชาย
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ตนมองว่าผู้ปกครองควรได้รับความช่วยเหลือมากกว่านี้ เพราะครอบครัวผู้ตายมีอาชีพหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินมาก แต่ถ้าโรงเรียนกลับช่วยเหลือเพียงยอดเงินจำนวนดังกล่าว และพยายามบ่ายเบี่ยง เรื่องงบประมาณในการช่วยเหลือ ซึ่งตนจะสอบถามไปยังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องงบประมาณในการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ประสบอุบัติเหตุในลักษณะดังกล่าวว่าพอจะมีเงินส่วนใดเข้ามาช่วยเหลือจุนเจือได้หรือไม่ เพราะงานปัจฉิมนิเทศที่เกิดขึ้นเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนพาเด็กนักเรียนไป .-สำนักข่าวไทย