จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

กทม. 17 เม.ย.- เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน


ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมสูง 5 ชั้น ในซอยวุฒากาศ 14 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี จุดเกิดเหตุอยู่ที่ห้องชั้น 2 ภายในห้อง ปลายเตียง ริมกำแพง ใต้โต๊ะกินข้าว พบศพ น.ส.สุกัญญา อายุ 51 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำตัวทั้งหน้าหลัง รวม 31 แผล ใกล้กันพบโทรศัพท์มือถือ แบตฯ หมดตกอยู่ พร้อมกับมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุตเปื้อนเลือด บริเวณหน้าห้องน้ำยังพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายวางชาร์จแบตไว้อีก 1 เครื่อง เลือดกระจายเปื้อนกำแพงไปทั่วห้อง ยาวไปถึงในห้องน้ำและห้องแต่งตัว บนโต๊ะหน้ากระจก ยังพบหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีน้ำเงิน คาดว่าเป็นของคนร้ายวางอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นทรัพย์สินผู้ตายยังอยู่ครบ ระหว่างที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยังมีเจ้าหนี้โทรฯ เข้ามาทวงหนี้จากผู้ตายอีกด้วย (แต่ไม่เกี่ยวกับคดี)

พนักงานของโรงแรม ให้การว่า ผู้ตายเข้ามาเปิดห้องพักดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา กับผู้ชายชาวอินเดีย โดยผู้หญิงจะมาที่ห้องในช่วงเช้า และกลับไปช่วงค่ำทุกวัน ส่วนชายชาวอินเดีย ใช้รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน-เทา ทะเบียนนครปฐม


ก่อนเกิดเหตุ ช่วงใกล้เที่ยงได้ยินเสียงคนทะเลาะกันอย่างรุนแรงในห้องเกิดเหตุ จึงโทรศัพท์ขึ้นไปหาผู้เช่า ปรากฏว่า ฝ่ายชายเป็นผู้รับ แล้ววางสายถึง 2 ครั้ง สักพักเสียงทะเลาะก็เงียบไป จึงคิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว จนกระทั่งบ่ายโมงเศษ เห็นชายคนดังกล่าวเดินลงมาจากชั้น 2 ทำทีเล่นโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปหน้าปากซอยโดยไม่มีพิรุธใดๆ

ทางน้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า ปกติอยู่กับพี่สาวในบ้านเดียวกันตลอด แต่กลับไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่รู้จักชายชาวอินเดียคนนี้ ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ประมาณ 8 โมงครึ่ง พี่สาวพาแม่ไปฟอกไต กับพี่เลี้ยงอีกคน พอส่งแม่เข้าห้องฟอกไตก็ออกไปทำธุระ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน จนช่วงบ่ายสาม จึงมาทราบว่าพี่สาวเสียชีวิตแล้ว

ด้านลูกชายของ น.ส.สุกัญญา บอกว่า แม่ทำงานเป็นแม่บ้าน แต่ไม่ทราบที่ทำงาน เพราะเปลี่ยนงานบ่อย และก็อยู่กับพ่อที่บ้านด้วยกัน ส่วนผู้ชายชาวอินเดียคนนี้ ลูกชายเคยเห็นในเฟซบุ๊ก เมื่อถามแม่ก็อ้างว่าโดนแฮกเฟซบุ๊ก แต่เท่าที่ดูภาพถ่ายน่าจะสนิทกันมาก ตรวจสอบพบชายอินเดียคนนี้ ชื่อนายยาเดฟ อายุ 32 ปี ถูกผลักดันให้ออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา แล้วหลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ขี่รถจักรยานยนต์มาพักอยู่กับ น.ส.สุกัญญา ที่แอบคบหากันในห้องที่เกิดเหตุ น.ส.สุกัญญา มีอาชีพเป็นแม่บ้าน โดยสามีทำงานรับเหมาปูกระเบื้อง ผู้ตายจะบอกกับลูกทุกวันว่าออกไปเยี่ยมยายที่ป่วยติดเตียงที่บ้านพักย่านจอมทอง แต่ไม่เคยไปถึงบ้านยายเลย ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายได้เดินไปขึ้นจักรยานยนต์รับจ้างหน้าปากซอยวุฒากาศ 14 ให้ไปขึ้นรถตู้ที่วินข้างห้างพาต้า ปิ่นเกล้า ระบุปลายทางไป อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี


“เดลินิวส์” รายงานว่าตำรวจรับแจ้งจาก รพ.ท่ามะการักษ์ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ว่า พบชายชาวอินเดียต้องสงสัยเข้ามารับการรักษาบาดแผลที่แขนขวา ซึ่งเป็นแผลฉกรรจ์จากอาวุธมีด คาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรมในพื้นที่ตลาดพลู กทม. ทางฝ่ายสืบสวนจึงได้เร่งติดตามตัวจนพบว่า คนไข้คือ นายยาเดฟ คนร้ายที่ก่อเหตุจริง ทำให้ฝ่ายสืบสวนเข้าจับกุมตัว ไว้ได้ ก่อนเตรียมหนีออกนอกประเทศ เจ้าตัวรับสารภาพ อ้างว่าถูกผู้ตายหลอกยืมเงินไปหลายครั้ง แต่ระบุจำนวนไม่ได้ จะทวงคืนก็ไม่ยอมคืน สุดท้ายมีปากเสียงกันอย่างหนักก่อนจะลงมือ ตำรวจส่งตัวไป สน.ตลาดพลู ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวนตามขั้นตอน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร