ผู้ช่วย ผบ.ตร. แท็กทีมปล่อยแถวป้องกันโจรลักทรัพย์พื้นที่เล่นน้ำ

กทม. 13 เม.ย.-ผู้ช่วย ผบ.ตร. แท็กทีม 7 หน่วย ปล่อยแถวป้องกันโจรลักทรัพย์ แก๊งดูดเงิน นักท่องเที่ยว ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ขนาดใหญ่ พร้อมดูแลความปลอดภัยป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท

ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เน้นย้ำการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กับประชาชน ด้วยการระดมกำลังตำรวจหลายหน่วย ที่อยู่ในพื้นที่เล่นสงกรานต์ของประชาชนที่มีความหนาแน่น ซึ่งประกอบด้วย

1.กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 1
2.สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม
3.กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 6
4.สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง
5.กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
6.กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
7.กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง

โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประธานในพิธี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปล่อยแถวป้องกันเหตุและดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 13 เมษายน 2567 ณ ถนนหน้าพระลาน กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า การปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เน้นย้ำให้ตำรวจ คอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชายไทยและต่างชาติ เนื่องจากในปีนี้เป็นปีแรกที่จะมีการเล่นสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบ หลังผ่านสถานการณ์โรคระบาดโควิด ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้เล่นสงกรานต์เป็นจำนวนมาก และเชื่อว่ากลุ่มมิจฉาชีพหรือโจร จะถือโอกาสนี้ในการก่อเหตุ โดยเฉพาะการลักทรัพย์และการล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว รวมถึงโจรรูปแบบใหม่ ที่ตระเวนใช้เทคโนโลยีดูดเงินจากแอปพลิเคชั่นในมือถือของนักท่องเที่ยว จึงได้กำชับตำรวจทุกนายที่ออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์ ให้เฝ้าระวังความปลอดภัยเรื่องนี้กับนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดงานขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีประชาชนเกินกว่า 1,000 คน ขึ้นไป เช่น งานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ซึ่งจัดที่ท้องสนามหลวง, งานสงกรานต์ถนนข้าวสาร, งานสงกรานต์ถนนสีลม และงานสงกรานต์สยามสแควร์และเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นต้น

ในทุกสถานที่ที่มีการจัดงาน ใช้กำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 3,200 นาย เพราะนอกจากการเฝ้าระวังเหตุแล้ว ตำรวจยังคำนึงถึงการป้องกันด้วยการตรวจคัดกรองผู้เข้าร่วมงานไม่ให้นำสิ่งของผิดกฎหมายรวมถึงอาวุธต่างๆ เข้ามาภายในบริเวณจัดงาน

ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือสามารถโทรศัพท์มาที่สายด่วน 191 และในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จากนั้นเวลา 15.20 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ได้เดินทางมาตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณถนนข้าวสาร พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ให้มาตรวจจุดที่มีการเล่นน้ำจุดใหญ่ของกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นมีทั้งหมด 14 จุด สำหรับมาตรการการดูแลในวันนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจึงได้เน้นย้ำฝ่ายสืบสวนให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องกระเป๋า ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวที่มีการดื่มสุราอาจทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายและทะเลาะวิวาทขึ้นได้ เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายป้องกันปราบปรามจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ รวมถึงเตรียมกำลังตำรวจจราจรไว้คอยดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยใช้กำลังตำรวจกว่า 3,000 นาย ซึ่งมีมาตรการในการดูแลทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ดูแลเรื่องการทะเลาะวิวาท รวมถึงการดื่มและขับขี่

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ส่วนปริมาณคนที่เข้ามาเยอะจะมีจุดคัดกรองและมีการควบคุมจำนวนคนอยู่ หากพบว่ามีจำนวนคนเยอะมากจนเกินไปจะต้องประสานผู้จัดงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการระบายคนออก ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ขณะนี้มีคนเข้ามาแล้วเกือบ 20,000 คน ซึ่งเส้นทางการจราจรของการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นแบบทางเดียว ล่าสุดยังไม่ได้รับรายงานเหตุความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนการระบายคนออกจากพื้นที่ภายหลังงานนั้น ได้มีการจัดการจราจรไว้เป็นอย่างดี รวมทั้งหน่วยปฐมพยาบาล ซึ่งเชื่อว่าทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จะดูแลจัดการเป็นอย่างดี

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังมีข้อกังวลมีความเป็นห่วงเป็นพิเศษในเรื่องนักท่องเที่ยวที่ดื่มสุราและอาจก่อเหตุทะเลาะวิวาทโดยเฉพาะที่มาเป็นกลุ่มต้องช่วยกันดูแลเพื่อนๆ ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไประงับเหตุ รวมถึงกลุ่มเด็กแว้นที่อาจขับรถเร็วหวาดเสียวและอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้อื่น ต้องให้ครอบครัวช่วยกันดูแลเตือนบุตรหลาน.-419.-สำนักข่าวไทย