สตม. 10 เม.ย. – ตม.เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ท่าอากาศยานทั่วประเทศช่วงสงกรานต์ พร้อมคุมเข้มกวดขันตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศ
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) เปิดเผยถึงกรณีที่พบชาวต่างชาติเข้ามากระทำความผิดในราชอาณาจักรเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้เพิ่มความกวดขันในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกในราชอาณาจักรเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเพิ่มการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมหรือหมายจับ และเพิ่มการกวดขันในการสอบถามข้อมูลติดตามที่พักกับวัตถุประสงค์การเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาท่องเที่ยวหรือการเข้ามาทำธุรกิจ
ส่วนกรณีที่กลุ่มชาวต่างชาติอาจจะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศนั้น พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ทางตำรวจ ตม. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว ซึ่งมีการบูรณาการข้อมูลเรื่องนี้เป็นระยะๆ ยอมรับว่าอาจจะมีชาวต่างชาติที่เข้ามาและทำนิติกรรมอำพรางเพื่อตบตากลายเป็นเจ้าของธุรกิจหรือใช้วีซ่าประเภทอื่นๆ เพื่อแฝงเข้ามาทำงานในประเทศ แต่ทางตำรวจ ตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มการติดตามและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งถือเป็นพันธกิจของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่จะต้องลดการก่ออาชญากรรมโดยชาวต่างชาติให้น้อยที่สุด
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทาง พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการ ตม.1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ทางนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมที่ ตม. ได้การปรับรูปแบบการทำงานให้ดีและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ลดเวลาจากเดิมตรวจคนละ 45 วินาที เป็นเหลือเพียงแค่คนละ 30 วินาที ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับปฏิบัติหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และผู้โดยสารให้ดีขึ้นต่อไป
ส่วนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลนักท่องเที่ยวทั้งหมดอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน โดยมุ่งเน้นหลัก 3 ประการ คือ เป็นบุคคลตามหนังสือเดินทางหรือไม่, สิทธิในการเข้าประเทศตรงหรือไม่ และตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ซึ่งกระบวนการดังกล่าวต้องให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยและป้องกันไม่ให้เกิดการก่ออาชญากรรมในประเทศในช่วงเทศกาล
ส่วนกรณีที่เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศเมียนมาร์บริเวณแถบชายแดนบริเวณเมืองเมียวดี ซึ่งติดกับ อ.แม่สอด จ.ตากนั้น ทางตำรวจ ตม. ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบหลักในเรื่องการรองรับผู้ลี้ภัยสงครามหรือผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม เพราะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย แต่ทางตำรวจ ตม. ได้รับการประสานความร่วมมือและร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในการช่วยอำนวยความสะดวกรองรับผู้ลี้ภัยสงครามอยู่แล้ว. -419-สำนักข่าวไทย