รวบสาวใหญ่เลี่ยงภาษี ทำรัฐเสียหายสูงถึง 76 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 26 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง รวบสาวใหญ่เลี่ยงภาษีโดยให้ถ้อยคำเท็จ รัฐเสียหายสูงถึง 76 ล้านบาท


ตำรวจร่วมกันจับกุมนางสาวสิริมา อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในความผิดฐาน “ร่วมกันหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยแจ้งความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบายหรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” โดยจับกุมได้บริเวณลานจอดรถริมถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เจตจตุจักร กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากกรมสรรพากรได้มาร้องทุกข์ ที่ กก.2 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีอาญาความผิดกับ นางสาวสิริมา ผู้ต้องหา ซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันหรือสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่อำเภอเมืองยะลา ตามหลักฐานของ กอ.รมน.ภาค 4 ตรวจสอบพบว่ามีเงินรายได้พึงประเมิน ตามมาตรา 39 ประกอบมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ในปี พ.ศ.2555- 2558 แต่ผู้ต้องหาไม่ยื่นรายการเสียภาษีทั้งที่รู้ว่าตนมีเงินได้จำนวนมาก โดยปกปิดข้อมูลเงินได้และกระทำต่อเนื่องมาหลายปี เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่จะต้องไม่เสียภาษีให้แก่รัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหายและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำโดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจแจ้งข้อความเท็จหรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร หรือโดยความเท็จ โดยฉ้อโกง หรือโดยอุบาย หรือโดยวิธีการอื่นทำนองเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร เป็นความผิดตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฏากร โดยรัฐได้รับความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 76 ล้านบาท พนักงานสอบสวน จึงได้ดำเนินการขอศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว


ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นางสาวสิริมา ผู้ต้องหา อยู่บริเวณจุดจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว และเมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัวก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกก.2 บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจ ที่ได้ดำเนินการหลีกเลี่ยงภาษีอากร โดยฉ้อโกง หรือใช้กลอุบาย ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร และฝากเตือนถึงประชาชน ห้ามขาย หรือ ให้บัตรประชาชนแก่ผู้อื่นโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ มิเช่นนั้นจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก