ศาลเเพ่งรับคำร้องเหยื่อหุ้น “สตาร์ค” ฟ้องเรียกค่าเสียหายเกือบหมื่นล้าน

ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ 21 มี.ค. – ศาลเเพ่งใต้รับคำร้องดำเนินคดีเเบบกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มห้อง Stark ตัวจริง ฟ้องเรียกค่าเสียหาย “วนรัชต์” ทายาทกับพวกละเมิด เบ็ดเสร็จเกือบหมื่นล้าน ยกคำร้อง “วีรพัฒน์ ปริยวงศ์” พาผู้เสียหายอีกกลุ่มขอรวมคดี


วันนี้ (21 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีที่นายคณิต อภิวัฒนานนท์ กับพวกรวม 3 คน ยื่นฟ้องนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม เป็นจำเลยในความผิดฐานละเมิด ซื้อขาย (หลักทรัพย์) เรียกค่าเสียหายในคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาติดตามคดีนับร้อยคนพร้อมถือป้ายเรียกร้องความยุติธรรม

โดยศาลพิจารณาคดีได้ความตามทางไต่สวนว่าโจทก์ทั้งสามเป็นสมาชิกของกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับงบแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานจากการชี้ชวนในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนให้ซื้อหุ้นของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จและไม่เป็นความจริง รวมถึงมีการตกแต่งงบการเงินของบริษัทเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามรวมถึงกลุ่มบุคคลซึ่งถูกชี้ชวนได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และหลงเชื่อลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวและไม่ได้รับเงินคืน จำแนกเป็นผู้ได้รับการชี้ชวนตามแบบแสดง รายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564ครั้งที่ 1/2565 และครั้งที่ 2/2565 จำนวนกว่า 4,500 คน


จำเลยทั้ง 5 เป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าวกระทำการโดยขาดความระมัดระวัง และไม่ซื่อสัตย์สุจริต กระทำหรืองดเว้นกระทำการตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอันเป็นสาเหตุทำให้มีการตกแต่งบัญชีหรืองบการเงินที่เป็นเท็จต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับโจทก์ทั้งสาม ซึ่งไม่ว่าหนังสือชี้ชวนจะระบุ เงื่อนไขการจำหน่ายหุ้นไว้ อย่างไรก็ตามแต่โจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลนั้นก็เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวเหมือนกัน การได้มาซึ่งสิทธิในหุ้นกู้ของโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลจึงเหมือนและไม่แตกต่างกันอันถือเป็นกลุ่มบุคคลจำนวนมาก หากดำเนินคดีอย่างคดีสามัญจะทำให้เกิดความยุ่งยาก และไม่สะดวก การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีสามัญ

นอกจากนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงประวัติและประสบการณ์การทำงานของโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามแล้วน่าเชื่อว่าโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามสามารถดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม จึงอนุญาตให้โจทก์ทั้งสามดำเนินคดีแบบกลุ่มได้และเห็นควรกำหนดขอบเขตของสมาชิกกลุ่มคือกลุ่มบุคคลที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากการชี้ชวนตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ทุกชุด ครั้งที่ 1/2565 ทุกชุด และครั้งที่ 2/2565 ทุกชุด

อนึ่ง เนื่องจากคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จึงให้รอไว้สั่งคำฟ้องเมื่อคำส่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มถึงที่สุดแล้ว หากพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำรายงานเสนอศาล เพื่อพิจารณาสั่งคำฟ้องต่อไป


นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งในคดีที่ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567 นายวีรพัฒน์ ยื่นคำร้องต่อศาลความว่าได้ฟ้องคดีไว้อีกคดีหนึ่ง มีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 20 มี.ค.สำเนาคำร้องให้ทนายโจทก์ทั้งสามและทนายจำเลยที่มาศาลแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสามแถลง คัดค้านคำร้องว่าคดีนี้เสร็จการไต่สวนแล้ว การรวมพิจารณาไม่เป็นประโยชน์ ส่วนทนายจำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 5 แถลงว่าสุดแท้แต่ศาลจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรศาลเรียกสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567มาเพื่อประกอบการพิจารณาแล้ว

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้เสร็จการพิจารณา และศาลนัดฟังคำสั่งในวันนี้ แต่ผู้ร้องเพิ่งจะยื่นคำฟ้องคดีที่อ้างถึงเมื่อวันที่ 20 มี.ค. (เมื่อวานนี้) หากต้องนำสำนวนคดีดังกล่าวมารวมพิจารณากับคดีนี้อาจจำต้องทำการไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการไม่สะดวก และเป็นเหตุให้กระบวนพิจารณาต้องเนิ่นช้าออกไปโดยไม่จำเป็น และคดีดังกล่าวผู้ร้องยื่นฟ้องจำเลย 24 คน แตกต่างจากจำเลยในคดีนี้ พิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีทั้ง 2 สำนวนเข้าด้วยกัน และให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดี Class Action ซึ่งเป็นทนายความในคดีที่ศาลอนุญาตรับดำเนินคดีเเบบกลุุ่มวันนี้ กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้รับเป็นคดีแบบกลุ่ม โดยคดีที่ฟ้องเป็นคดีละเมิดเรียกค่าเสียหาย เเละความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยค่าเสียหายที่เรียกไปโดยโจทก์นำฟ้องเป็นเกณฑ์เบื้องต้นมีมูลค่าไม่กี่ล้านบาท เเต่ว่าเมื่อเป็นการดำเนินคดีเเบบกลุ่มเเล้วจะเป็นการรวมค่าเสียหายทุกคน ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหาย 4 พันกว่าคนรวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 9,200 ล้านบาท

นางณฐิยา ดวงจินดา ตัวเเทนกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้คดีหุ้นกู้สตาร์คในนาม”กลุ่มห้อง Stark ตัวจริง” ยื่นฟ้องแพ่ง ผู้บริหาร 5 ราย ที่ก.ล.ต. ชี้ว่ามีความผิดในคดีทุจริตในบริษัทสตาร์คฯ ได้แก่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กับพวก โดยขอให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม การเลือกฟ้องบุคคล 5 ราย โดยไม่ฟ้องนิติบุคคล เนื่องจากการฟ้องจำเลยจำนวนที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความล่าช้า และ หากนิติบุคคลยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟู จะทำให้การฟ้องคดี เข้าสู่สภาวะ automatic stay ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินคดีนาน 3-15 ปี อยากเรียนว่ากลุ่มห้อง Stark ตัวจริงได้เริ่มต้นจากการรวมตัวของผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK ในแอปพลิเคชั่นไลน์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 ชื่อ “กลุ่มห้อง Stark ตัวจริง” มาจากการที่สมาชิกทุกคนผ่านการยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK และเมื่อเริ่มตั้งกลุ่มได้จึงเชิญ “นายจิณณะ แย้มอ่วม” มาให้คำปรึกษาทางกฎหมายกับสมาชิกในกลุ่มตั้งแต่ทราบข่าวการไม่ส่งงบการเงินต่อ ก.ล.ต. ของบริษัทสตาร์คฯ โดยทนายจิณณะ ให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเเต่อย่างใด. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]

กต. ลั่นจะพูดคุยกัน เขมรต้องจริงใจก่อน ซัดพูดอย่างทำอย่าง แถมบิดเบือน

กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.ค.- กต. ขีดเส้นใต้ จะพูดคุยกันได้ “เขมร” ต้องจริงใจก่อน “นิกรเดช” ซัดพูดอย่างทำอย่าง นอกจากใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังใช้โบราณสถานกำบังด้วย แถมบิดเบือน-สร้างข้อมูลเท็จ ผู้เชี่ยวชาญยังรู้เป็นภาพเก่า รับทราบพรุ่งนี้ “ภูมิธรรม” บินคุย “ฮุน มาเนต” หลัง “ทรัมป์” ต่อสายคุย เผย “มาริษ” ร่อนแล้ว เอกสารถึง UNICEF-OHCHR ยันกัมพูชาเริ่มก่อน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อเสนอหยุดยิงตามที่หลายท่านคงทราบอยู่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยเราได้ย้ำมาโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังว่าจะเห็นความตั้งใจจริงจากกัมพูชา ในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมจะหารือด้วย เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนอย่างสันติและยั่งยืน นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า การโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังกัมพูชาบนแผ่นดินไทยเหตุการณ์เมื่อคืน กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอีกครั้ง […]

ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ หลังกัมพูชายิง BM-21 ตกฝั่งไทย

27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. […]