ศาลเเพ่งรับคำร้องเหยื่อหุ้น “สตาร์ค” ฟ้องเรียกค่าเสียหายเกือบหมื่นล้าน

ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ 21 มี.ค. – ศาลเเพ่งใต้รับคำร้องดำเนินคดีเเบบกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มห้อง Stark ตัวจริง ฟ้องเรียกค่าเสียหาย “วนรัชต์” ทายาทกับพวกละเมิด เบ็ดเสร็จเกือบหมื่นล้าน ยกคำร้อง “วีรพัฒน์ ปริยวงศ์” พาผู้เสียหายอีกกลุ่มขอรวมคดี


วันนี้ (21 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มในคดีที่นายคณิต อภิวัฒนานนท์ กับพวกรวม 3 คน ยื่นฟ้องนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม เป็นจำเลยในความผิดฐานละเมิด ซื้อขาย (หลักทรัพย์) เรียกค่าเสียหายในคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาติดตามคดีนับร้อยคนพร้อมถือป้ายเรียกร้องความยุติธรรม

โดยศาลพิจารณาคดีได้ความตามทางไต่สวนว่าโจทก์ทั้งสามเป็นสมาชิกของกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับงบแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานจากการชี้ชวนในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนให้ซื้อหุ้นของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จและไม่เป็นความจริง รวมถึงมีการตกแต่งงบการเงินของบริษัทเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามรวมถึงกลุ่มบุคคลซึ่งถูกชี้ชวนได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และหลงเชื่อลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวและไม่ได้รับเงินคืน จำแนกเป็นผู้ได้รับการชี้ชวนตามแบบแสดง รายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564ครั้งที่ 1/2565 และครั้งที่ 2/2565 จำนวนกว่า 4,500 คน


จำเลยทั้ง 5 เป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าวกระทำการโดยขาดความระมัดระวัง และไม่ซื่อสัตย์สุจริต กระทำหรืองดเว้นกระทำการตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอันเป็นสาเหตุทำให้มีการตกแต่งบัญชีหรืองบการเงินที่เป็นเท็จต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับโจทก์ทั้งสาม ซึ่งไม่ว่าหนังสือชี้ชวนจะระบุ เงื่อนไขการจำหน่ายหุ้นไว้ อย่างไรก็ตามแต่โจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลนั้นก็เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวเหมือนกัน การได้มาซึ่งสิทธิในหุ้นกู้ของโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลจึงเหมือนและไม่แตกต่างกันอันถือเป็นกลุ่มบุคคลจำนวนมาก หากดำเนินคดีอย่างคดีสามัญจะทำให้เกิดความยุ่งยาก และไม่สะดวก การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีสามัญ

นอกจากนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงประวัติและประสบการณ์การทำงานของโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามแล้วน่าเชื่อว่าโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามสามารถดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม จึงอนุญาตให้โจทก์ทั้งสามดำเนินคดีแบบกลุ่มได้และเห็นควรกำหนดขอบเขตของสมาชิกกลุ่มคือกลุ่มบุคคลที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากการชี้ชวนตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ทุกชุด ครั้งที่ 1/2565 ทุกชุด และครั้งที่ 2/2565 ทุกชุด

อนึ่ง เนื่องจากคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จึงให้รอไว้สั่งคำฟ้องเมื่อคำส่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มถึงที่สุดแล้ว หากพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำรายงานเสนอศาล เพื่อพิจารณาสั่งคำฟ้องต่อไป


นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งในคดีที่ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567 นายวีรพัฒน์ ยื่นคำร้องต่อศาลความว่าได้ฟ้องคดีไว้อีกคดีหนึ่ง มีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 20 มี.ค.สำเนาคำร้องให้ทนายโจทก์ทั้งสามและทนายจำเลยที่มาศาลแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสามแถลง คัดค้านคำร้องว่าคดีนี้เสร็จการไต่สวนแล้ว การรวมพิจารณาไม่เป็นประโยชน์ ส่วนทนายจำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 5 แถลงว่าสุดแท้แต่ศาลจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรศาลเรียกสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567มาเพื่อประกอบการพิจารณาแล้ว

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้เสร็จการพิจารณา และศาลนัดฟังคำสั่งในวันนี้ แต่ผู้ร้องเพิ่งจะยื่นคำฟ้องคดีที่อ้างถึงเมื่อวันที่ 20 มี.ค. (เมื่อวานนี้) หากต้องนำสำนวนคดีดังกล่าวมารวมพิจารณากับคดีนี้อาจจำต้องทำการไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการไม่สะดวก และเป็นเหตุให้กระบวนพิจารณาต้องเนิ่นช้าออกไปโดยไม่จำเป็น และคดีดังกล่าวผู้ร้องยื่นฟ้องจำเลย 24 คน แตกต่างจากจำเลยในคดีนี้ พิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีทั้ง 2 สำนวนเข้าด้วยกัน และให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดี Class Action ซึ่งเป็นทนายความในคดีที่ศาลอนุญาตรับดำเนินคดีเเบบกลุุ่มวันนี้ กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้รับเป็นคดีแบบกลุ่ม โดยคดีที่ฟ้องเป็นคดีละเมิดเรียกค่าเสียหาย เเละความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยค่าเสียหายที่เรียกไปโดยโจทก์นำฟ้องเป็นเกณฑ์เบื้องต้นมีมูลค่าไม่กี่ล้านบาท เเต่ว่าเมื่อเป็นการดำเนินคดีเเบบกลุ่มเเล้วจะเป็นการรวมค่าเสียหายทุกคน ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหาย 4 พันกว่าคนรวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 9,200 ล้านบาท

นางณฐิยา ดวงจินดา ตัวเเทนกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้คดีหุ้นกู้สตาร์คในนาม”กลุ่มห้อง Stark ตัวจริง” ยื่นฟ้องแพ่ง ผู้บริหาร 5 ราย ที่ก.ล.ต. ชี้ว่ามีความผิดในคดีทุจริตในบริษัทสตาร์คฯ ได้แก่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กับพวก โดยขอให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม การเลือกฟ้องบุคคล 5 ราย โดยไม่ฟ้องนิติบุคคล เนื่องจากการฟ้องจำเลยจำนวนที่มากเกินไป จะทำให้เกิดความล่าช้า และ หากนิติบุคคลยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟู จะทำให้การฟ้องคดี เข้าสู่สภาวะ automatic stay ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินคดีนาน 3-15 ปี อยากเรียนว่ากลุ่มห้อง Stark ตัวจริงได้เริ่มต้นจากการรวมตัวของผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK ในแอปพลิเคชั่นไลน์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 ชื่อ “กลุ่มห้อง Stark ตัวจริง” มาจากการที่สมาชิกทุกคนผ่านการยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK และเมื่อเริ่มตั้งกลุ่มได้จึงเชิญ “นายจิณณะ แย้มอ่วม” มาให้คำปรึกษาทางกฎหมายกับสมาชิกในกลุ่มตั้งแต่ทราบข่าวการไม่ส่งงบการเงินต่อ ก.ล.ต. ของบริษัทสตาร์คฯ โดยทนายจิณณะ ให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเเต่อย่างใด. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]