แพทย์ศัลยกรรมชื่อดังถูกหลอกลงทุนพอร์ตหุ้น สูญเงินกว่า 12 ล้านบาท

บก.สอท.1 20 มี.ค. – แพทย์ศัลยกรรมชื่อดัง แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ สอท.1 หลังถูกแก๊งไฮบริดแกมหลอกให้ลงทุนหุ้นต่างประเทศ สูญเงินไปกว่า 12 ล้านบาท


นพ.สมศักดิ์ แพทย์ศัลยกรรมชื่อดัง อายุ 70 ปี ถูกหลอกร่วมลงทุนสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) หลังถูกแก๊งไฮบริดแกมหลอกให้หลงเชื่อเเล้วชักชวนเข้าร่วมลงทุน จนเสียค่าลงทุนไปกว่า 12 ล้านบาท ไม่สามารถถอนคืนได้ จึงมาแจ้งความร้องทุกข์

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์การลงทุนหุ้นต่าง ๆ มากว่า 20 ปี แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นในประเทศไทยย่ำแย่และราคาตกอย่างหนัก ตนจึงตัดสินใจที่จะลงทุนหุ้นอื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศ เลยค้นหาในเฟซบุ๊กจนเจอกลุ่มชักชวนลงทุนหุ้นต่างประเทศ ตนจึงสมัครเข้าไปแล้วปรากฏว่า มีเฟซบุ๊กแพทย์คนหนึ่งทักมาเพื่อพูดคุยกับการลงทุนหุ้นต่างประเทศ โดยตนเห็นว่ามีอาชีพเดียวกัน จึงตัดสินใจพูดคุย ก่อนที่แพทย์คนดังกล่าวจะส่งข้อมูลของตนให้หญิงสาวคนหนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะทักมาทางแอปพลิเคชั่นไลน์มาโดยใช้ชื่อว่า “จิน” ซึ่งหญิงสาวคนนี้อ้างว่า เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับระบบการลงทุนในแอปพลิเคชั่น “CLC GROUP”


นพ.สมศักดิ์ ระบุว่า ตอนแรกยังไม่กล้าที่จะลงทุนเพราะยังไม่เชื่อมั่น จนกระทั่งหญิงสาวคนนี้พยายามพูดคุยเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและถามเรื่องศัลยกรรมหน้า ประกอบกับตนเห็นว่าโปรไฟล์หญิงคนนี้นั้นสวยและน่ารัก จึงตัดสินใจที่จะพูดคุยซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้มีการจีบในเชิงชู้สาว ซึ่งหญิงคนนี้เห็นว่ามีความรู้เรื่องของการลงทุนเป็นอย่างดี ก่อนที่หญิงคนนี้จะดึงตนเข้ากลุ่มไลน์ร่วมลงทุน ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมีคนอยู่ในนั้นประมาณกว่า 200 คน

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมลงทุน ซึ่งเป็นหุ้นต่างประเทศแห่งหนึ่ง โดยลงทุนครั้งแรกไปจำนวน 200,000 บาท ปรากฏว่า ตนได้กำไรกลับคืนมาถึง 1 แสนบาท ซึ่งเห็นว่ามีเงินเข้าในระบบจริง กราฟในหุ้นก็มีความเคลื่อนไหวจริง จึงมองว่าเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถถอนเงินดังกล่าวออกมาได้ เนื่องจากจะต้องมีการเพิ่มค่าดำเนินการเข้าไป แต่ตนก็ดำเนินการลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ จนถึง 12 ครั้ง ในช่วงระหว่างตั้งแต่ช่วง 16 ม.ค.-29 ก.พ. เป็นเวลาเดือนครึ่ง รวมมูลค่าเงินลงทุน 12 ล้านบาท ซึ่งในระบบได้กำไรกว่า 44 ล้านบาท ผ่านการโอนเข้าบัญชีบุคคลส่วนตัว 4-5 บัญชี

ทั้งนี้ นพ.สมศักดิ์ ยอมรับว่าตนก็เอะใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงโอนเข้าบัญชีส่วนบุคคล แต่ด้วยความที่น้องจิน พูดคุยอธิบายอ้างว่า เป็นการโอนเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศและไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม จึงเชื่อสนิทใจ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตนได้ไปตรวจสอบกราฟหุ้นต่างประเทศตัวจริง ซึ่งเห็นว่ากราฟตัวจริงกับกราฟในแอปพลิเคชั่นมีตำแหน่งที่ไม่ตรงกัน จึงทำให้เริ่มเอะใจ ประกอบกับตนได้เสียค่าภาษี 4.8 ล้านบาท และค่าบริการ 3.6 ล้านบาท เพื่อดำเนินการถอนเงิน แต่ก็ไม่สามารถถอนได้ เพราะผู้ดูแลบอกว่า ต้องเสียค่าค้ำประกันอีก 4.8 ล้านบาท


นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนได้ไปสอบถามกับเพื่อนที่เป็นโบรกเกอร์ ซึ่งบอกว่าการถอนเงินไม่จำเป็นต้องมีค่าค้ำประกัน เพียงแค่ยืนยันตัวตนกับโบรกเกอร์เท่านั้น จึงทำให้ตนไม่โอนเงินค่าค้ำประกันและเริ่มรู้ตัวว่าโดนหลอก อีกทั้งได้หาข้อมูลจนพบว่า คุณหมอที่ปรากฏในเฟซบุ๊กที่ทักมาหาตนนั้น เป็นเฟซปลอมและหมอตัวจริงไม่รู้เรื่องกรณีนี้มาก่อน อีกทั้งหมอตัวจริงได้มีการไปแจ้งความแล้วที่ จ.ระยอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าถูกปลอมเฟซบุ๊กจึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตนตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจ สน.ประชาชื่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าถูกหลอกร่วมลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ ผ่านการชักชวนพูดคุยให้หลงเชื่อสนิทใจ

นพ.สมศักดิ์ ได้เตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อ อย่าคิดว่าตนเองแน่ ขนาดตนมีประสบการณ์ลงทุนกว่า 20 ปี ก็ไม่พ้นตกเป็นเหยื่อหลอกลงทุน

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า เคสนี้นั้นจะให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการประสานงานกับตำรวจ สน.ประชาชื่น เพื่อนำสำนวนคดีมาตรวจสอบทางเทคโนโลยีให้ได้ตัวคนร้ายต่อไป และเตือนว่าการลงทุนกับหุ้นต่างประเทศขอให้ระมัดระวังให้ดี ควรจะต้องลงทุนกับหุ้นที่ได้รับการรับรองโดย ก.ล.ต. โดยเฉพาะหุ้นในประเทศเท่านั้น อีกทั้งฝากเตือนถึงประชาชนว่าให้ระมัดระวังการลงทุนทางออนไลน์ หรือการถูกชักชวนให้ลงทุน การทำธุรกรรมต่าง ๆ ทางออนไลน์ไม่แนะนำให้รีบโอน ควรตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะการลงทุนแบบกลุ่ม ควรระมัดระวังบัญชีให้ดี ถ้าเห็นบัญชีเป็นชื่อบุคคลทั่วไปให้มองข้ามไปได้เลย. -418-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย