ตร.ออกหมายจับมือยิงหน้าผับย่านปิ่นเกล้า ตามยึดรถผู้ก่อเหตุ

กรุงเทพฯ 15 มี.ค. – ตร.ออกหมายจับแล้วมือยิงหน้าผับย่านปิ่นเกล้ากลางดึกวานนี้ (14 มี.ค.) พร้อมตามยึดรถหรูต้องสงสัยอายัดไว้แล้ว เตรียมเชิญเพื่อนผู้ก่อเหตุ 2 คน มาให้ข้อมูลเพื่อหาเบาะแสเพิ่ม


จากกรณีที่เกิดเหตุยิงกันบริเวณหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ภายในศูนย์การค้าย่านปิ่นเกล้า เมื่อช่วงประมาณเวลา 01.00 น.ของวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ท้องที่ สน.บางยี่ขัน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายธนู สำลี หรือตี๋ อายุ 29 ปี

ล่าสุดศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายจับผู้ก่อเหตุในคดีนี้แล้ว เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา คือ นายอธิภัทร ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น, พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และยิงปืนในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งทางตำรวจ สน.บางยี่ขัน อยู่ในระหว่างการติดตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี


ขณะเดียวกันที่ สน.บางยี่ขัน เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถได้รถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถยนต์ Mercedes Benz สีดำ 5 ประตู โดยสามารถอายัดได้ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าชุดสืบสวนได้เชิญตัวเพื่อนผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน มาให้ข้อมูลกับตำรวจที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อหาเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมคนร้ายต่อไป

ขณะที่วันนี้ (15 มี.ค.) ภรรยาและพี่สาวของนายธนู ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงกันบริเวณสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า เดินทางมายัง สน.บางยี่ขัน เพื่อขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมประกอบการรับศพและติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยพี่สาวผู้เสียชีวิตระบุว่า เมื่อช่วงเวลาตีหนึ่งครึ่งของวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตได้โทรมาหาตน เพื่อขอให้พี่เขยไปหาที่ร้าน โดยระบุว่าเพื่อนของผู้ตายนั้นมีเรื่องและเขารู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุ น้ำเสียงของผู้ตายก็เป็นปกติ แต่ที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยโทรมาจะในลักษณะแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม เท่าที่ตนทราบ ผู้ตายออกจากบ้านตอน 23.30 น. แล้วไปกับเพื่อนแค่ 2 คน อย่างไรก็ตาม ผู้ตายไม่ได้ระบุว่าได้รับอันตรายอย่างไร บอกเพียงแค่ว่า เพื่อนผู้ตายถูกรุม เลยรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

พี่สาวผู้ตายยังระบุเพิ่มเติมว่า น้องชายเป็นคนรักเพื่อนรักฝูง เวลาเพื่อนมีเรื่องอะไรจะคอยช่วยเหลือตลอด ซึ่งจากวงจรปิดจะเห็นว่า ผู้เสียชีวิตได้พยายามที่จะพูดคุยกับการ์ด ก็เพื่อที่จะช่วยเคลียร์ให้เรื่องนี้จบ เพราะน้องชายไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครและไม่เคยมีเจตนาที่จะไปทำร้ายใคร


ด้านภรรยาของนายธนู ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อยากให้ทางตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะทราบว่าเพิ่งออกหมายจับไป ซึ่งต่อให้ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างไร พวกตนไม่ยอมแพ้และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยภรรยาผู้ตายยืนยันกับสื่อว่า แฟนตนเองไม่ใช่คนชนแก้วตามที่ปรากฏในข่าว แต่คาดว่าน่าจะไปช่วยเพื่อนที่ทะเลาะกัน เพราะนายธนู เป็นรักเพื่อนและชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง โดยหลังจากนี้จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองแขมต่อไป .-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง