ทลายแก๊งแรงงานต่างด้าวชาวเวียดนาม ลักลอบทำงาน

นครพนม 9 มี.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแก๊งแรงงานต่างด้าวชาวเวียดนาม ลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมบูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ร่วมกันจับกุม MISS LE อายุ 40 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมพวกรวม 16 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน “เป็นต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 8 ประกอบมาตรา 101 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561” และกล่าวหานายศุภชาติ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างรับแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำในงานในสถานประกอบกิจการของตน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐาน “เป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน” เป็นความผิดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 (แก้ไข พ.ศ.2561)


โดยการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีนายทุนชาวเวียดนามลักลอบนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานภายในโรงเพาะปลูกกัญชา เชื่อว่าไม่ได้รับอนุญาตและมีการลักลอบจำหน่ายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ประสานงานกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ตำรวจตะเวนชายแดน ที่ 236 และ กอ.รมน.จังหวัดนครพนม เพื่อเข้าทำการตรวจสอบโรงปลูกกัญชาดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ได้ขอเข้าตรวจโรงเพาะปลูกกัญชา ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังจอดรถ ก็พบแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งวิ่งหลบหนีเข้าไปภายในโรงปลูกกัญชา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและแสดงบัตร
เจ้าพนักงานเพื่อขอตรงจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน พบนายศุภชาติ มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ
โรงเพาะปลูกกัญชา และรับว่าได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวชาวเวียดนามเข้ามาทำงานภายในโรงเพาะปลูกกัญชา ก่อนนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในอาคาร พร้อมรับว่าตนยังไม่ได้ขออนุญาตจำหน่ายกัญชา และจะดำเนินการภายใน 7 วัน ตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณะสุข โดยมีการนำตรวจเอกสารประจำตัวบุคคลคลต่างด้าวทั้งหมดจำนวน 16 คน สอบถามนายศุภชาติ ระบุว่าได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวดังกล่าวมาทำงานในการเพราะปลูกกัญชาภายในสถานประกอบการของตน จ่ายค่าจ้างให้แต่ละคนจำนวน 15,000 บาทต่อเดือน โดยได้เริ่มจ้างแรงงานต่างด้าวดังกล่าวมาแล้วประมาณ 4 เดือน เมื่อตรวจสอบเอกสารพบว่าทุกคน มีพาสปอร์ตเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผ่านด่านลงตราประทับให้อยู่ในราชอาณาจักรถูกต้อง


เมื่อสอบถามถึงใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวทั้งหมด นายศุภชาติ ยอมรับว่าแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ยังไม่มีการได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรไทย เจ้าพนักงานจัดหางาน จ.นครพนม ได้ตรวจสอบกับระบบบุคคลที่ได้รับอนุญาตก็ไม่ปรากฏว่าแรงงานต่างด้าวที่ตรวจสอบได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร จำนวน 16 ราย จึงแจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนนายศุภชาติ เจ้าของ ทางเจ้าพนักงานกรมจัดหางาน จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับต่อไป สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.-120.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย