สาวร้องถูกอดีตแฟนหนุ่มคอมมานโด ปล่อยคลิป 18+

7 มี.ค. – สาวบุกขอความเป็นธรรม ผบ.ตร. หลังถูกคอมมานโดซึ่งเป็นอดีตแฟนหนุ่ม ข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว แถมนำคลิปลับประจานลงโซเชียล ล่าสุดพบเหยื่ออีก 3 ราย


นางสาวชลิดา หรือ ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง พาผู้เสียหายเข้าร้องขอความเป็นธรรม โดยยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังถูกอดีตแฟนซึ่งเป็นตำรวจหน่วยคอมมานโด ยศ ส.ต.ท. ที่เลิกคบกันไปประมาณ 1 ปี ข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์ แต่เมื่อไม่ได้ดังใจกลับปล่อยคลิป 18+ ของผู้เสียหายลงโซเชียล มีคนดูคลิปแล้วกว่า 20 ล้านวิว ที่ผ่านมาผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความและร้องไปทางต้นสังกัดแล้ว แต่เรื่องเงียบ คดีไม่มีความคืบหน้า

ผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักคบหากับนายตำรวจคนดังกล่าวเมื่อต้นปี 2565 โดยอาศัยอยู่ด้วยกันที่แฟลตแห่งหนึ่ง ในช่วงแรกฝ่ายชายดูแลเอาใจใส่ดี แต่จะมีเรื่องนิสัยเจ้าชู้และมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาตลอด ในช่วงที่มีความสัมพันธ์กันยอมรับว่ามีการถ่ายคลิปไว้ แต่ด้วยความรักจึงเชื่อและไว้ใจฝ่ายชาย ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย หลังเลิกลาก็ไม่ได้พบกันอีก แต่มีการพูดคุยกันทางไลน์


จากนั้นฝ่ายชายขอให้ออกไปหาเพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ พอไม่ไปก็ส่งคลิปวิดีโอมาข่มขู่ เคยร้องไปที่ต้นสังกัดและขู่ว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา แต่กลับถูกขู่กลับว่าจะส่งคลิปและภาพโป๊เปลือยของตนเองให้ที่ทำงานตน และยังดูถูกอาชีพของตนที่ทำอยู่ด้วย พร้อมย้ำว่านายตำรวจคนดังกล่าวไม่มีแม้แต่ความเป็นผู้ชาย ไม่ควรจะอยู่ในองค์กรตำรวจต่อไป จึงต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนคลิปวิดีโอที่เอาไปลงและข่มขู่มียอดวิว 9 วิว และอ้างว่าลงส่วนตัว จากนั้นมีคนใกล้ตัวทักมาบอกว่าคลิปถูกเผยแพร่สาธารณะ ส่งผลกระทบทุกอย่างในชีวิต ทั้งด้านการงานและครอบครัว ทุกวันนี้ยังคงใช้ชีวิตแบบผวาและจิตตกมาก หลังเกิดเรื่องและแจ้งความยังไม่มีการติดต่อขอโทษจากฝ่ายชาย แต่มีการขอร้องว่าอย่าเอาเรื่อ เพราะหัวหน้าทราบเรื่องแล้ว หลังทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย มองว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่พฤติกรรมที่คนเขาทำกัน

ด้านต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย ว่าถูกอดีตแฟนหนุ่ม ตำรวจสังกัดคอมมานโด ที่เลิกกันไปแล้วกว่า 1 ปี และตัวผู้เสียหายแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว โดยตำรวจคนดังกล่าวทักมาขอมีความสัมพันธ์ หากไม่ยอมออกมาก็ข่มขู่นำคลิปวิดีโอที่เคยมีสัมพันธ์กันมาโพสต์ลงในโซเซียล ซึ่งผู้เสียหายกังวลและไม่อยากให้สามีรับรู้ แต่อดทนไม่ไหวกับการต้องถูกข่มขู่ จึงปรึกษากับครอบครัวและติดต่อมาทางมูลนิธิ


ทั้งนี้ ทราบว่าก่อนหน้านี้นายตำรวจคนดังกล่าวยังเคยไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายอีก 1 คน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยการยอมจะชดใช้เงิน 400,000 บาท และจ่ายมาแล้ว 300,000 บาท โดยทางผู้บังคับบัญชาก็ไปด้วยและขอให้ยอมความ เพราะทำอะไรไม่ได้ คลิปลงไปแล้ว แต่น้องผู้เสียหายคนนี้รวบรวมความกล้าเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะนายตำรวจคนนี้ไม่ได้กระทำกับผู้เสียหายคนเดียว

ล่าสุดมีผู้เสียหายอีก 3 ราย ติดต่อมาทางมูลนิธิว่าถูกส่งคลิปไปลงในแอปพลิเคชัน VK แม้จะอ้างว่าเป็นช่องส่วนตัว แต่คนอื่นเข้าไปดูดคลิปได้ต้องเสียเงิน จึงมองว่าเข้าข่ายเป็นการค้าหรือไม่ ตอนนี้มีคนดูมากกว่า 20 ล้านวิว การกระทำของนายตำรวจคนนี้ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิด เพราะวันที่ 4 ก.พ. ไปไกล่เกลี่ยอีกเคส และวันที่ 6 ก.พ. ยังคงเอาคลิปไปลงต่อ ไม่สนใจความเสียหายที่เกิดกับฝ่ายหญิงที่สภาพจิตใจย่ำแย่มาก เพราะคิดว่าเจ้านายเคลียร์ให้ได้ใช่หรือไม่ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการตำรวจคนดังกล่าวอย่างจริงจัง อย่าให้ปลาเน่าตัวเดียวเสียหายทั้งข้อง เพราะทำให้วงการสีกากีเสื่อมเสีย พร้อมเรียกร้องให้ผู้เสียหายรายอื่นออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะเชื่อว่ามีมากกว่า 4 รายแน่นอน

เผย ผบ.ตร.สั่งกำชับดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ ผบ.ตร. กำชับให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด สำนวนการสอบสวนต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบและรวดเร็ว ในส่วนของคดีผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี วันที่ 6 ก.พ. จากนั้นมีการแจ้งข้อหาเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหากพบว่ามีพฤติการณ์อื่นที่เข้าข่ายความผิดก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

รองโฆษก ตร. ย้ำพฤติการณ์แบบนี้ลูกผู้ชายไม่ทำกัน
ส่วนเรื่องการดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดกองปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ทราบเรื่องและกำชับให้ทำตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. มากำกับดูแลเรื่องวินัย จึงขอให้ผู้เสียหายมั่นใจ พร้อมย้ำว่าพฤติการณ์แบบนี้ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน กินในที่ลับมาขายในที่แจ้ง ถือว่าเป็นพฤติกรรมอันเลวร้าย และยังเป็นถึงข้าราชการตำรวจ แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ตำรวจอย่างรุนแรง ส่วนคนที่ดูคลิปหากส่งต่อถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนคลิปที่เผยแพร่ออกไปจะให้พนักงานสอบสวนทำเรื่องไปยังกระทรวงดีอี ขอใช้คำสั่งศาลปิดกั้นต่อไป

เหยื่ออีกรายโผล่แฉชอบบังคับถ่ายคลิปวิดีโอ
ด้านผู้เสียหายอีกคน อาชีพเป็นครู ให้ข้อมูลว่า รู้จักกับคอมมานโดหนุ่มผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ จากนั้นพูดคุย และตกลงเป็นแฟนกันเมื่อปีปลาย 2562 ก่อนจะเลิกกันช่วงปี 2565 โดยในช่วง 3 ปีกว่าที่คบหากัน เวลามีเพศสัมพันธ์ ส.ต.ท.นายดังกล่าวมักจะชอบถ่ายคลิปวิดีโอไปด้วย ยอมรับว่าไม่ได้สะดวกใจที่จะให้ถ่ายคลิป และบางครั้งมีปฏิเสธบ้าง แต่เพราะคิดว่าเป็นแฟนกัน และมักพูดในลักษณะเชิงบังคับจึงต้องยอม ก่อนจะเลิกรากันตนถามแล้วว่าได้ลบคลิปวิดีโอเหล่านั้นทิ้งทั้งหมดแล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาตามมา

แต่หลังจากเลิกกันได้ราว 1 ปีกว่า ตนเพิ่งมาทราบว่าเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ชายที่ไม่รู้จักทักมาผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียว่ามีคลิปของตนเองขณะมีเพศสัมพันธ์หลุดอยู่ในอินเทอร์เน็ต เมื่อเห็นคลิปตนจำได้ทันทีว่า เป็นตนจริง ตอนนั้นช็อกมาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะยอดคนดูค่อนข้างเยอะ จึงติดต่อตำรวจคอมมานโดคนดังกล่าวมาเคลียร์ มีการนัดไปพบที่ห้องพัก แต่ตนไม่ยอมไป ขอพูดคุยกันที่สถานีตำรวจเท่านั้น ก่อนที่อดีตแฟนหนุ่มจะมาพร้อมกับผู้บังคับบัญชาที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย ก่อนพูดคุยเจรจา พร้อมยืนยันว่าผู้บังคับบัญชาที่มาด้วยไม่ได้มีการกดดัน และให้ความเป็นธรรม

เบื้องต้นตนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอดีตแฟนหนุ่มขอร้องว่าอย่าดำเนินคดี และยินยอมจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหาย แต่ส่วนตัวรู้ว่าหากดำเนินคดีไป อดีตแฟนหนุ่มต้องปล่อยคลิปออกมาแน่นอน เพราะรู้นิสัยว่าเป็นคนกัดไม่ปล่อย ทำให้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างมาก เพราะขณะนำคลิปโพสต์ลงในโซเชียลมีการแนบหน้าบัญชีเฟซบุ๊ก หน้าอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองไปด้วย และไอดีไลน์ไว้ด้วย

ในช่วงที่คลิปหลุดออกไปมีคนเข้ามาติดตามเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมจำนวนมาก บางครั้งถึงขั้นถามว่าตนขายบริการหรือไม่ รู้สึกกังวลใจ เพราะตนเองมีอาชีพเป็นครูและสอนเด็กโต กลัวว่าเด็กนักเรียนจะไปเห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว ส่วนโรงเรียนยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงกลัวว่าจะกระทบกับอาชีพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]