สาวร้องถูกอดีตแฟนหนุ่มคอมมานโด ปล่อยคลิป 18+

7 มี.ค. – สาวบุกขอความเป็นธรรม ผบ.ตร. หลังถูกคอมมานโดซึ่งเป็นอดีตแฟนหนุ่ม ข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว แถมนำคลิปลับประจานลงโซเชียล ล่าสุดพบเหยื่ออีก 3 ราย


นางสาวชลิดา หรือ ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง พาผู้เสียหายเข้าร้องขอความเป็นธรรม โดยยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังถูกอดีตแฟนซึ่งเป็นตำรวจหน่วยคอมมานโด ยศ ส.ต.ท. ที่เลิกคบกันไปประมาณ 1 ปี ข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์ แต่เมื่อไม่ได้ดังใจกลับปล่อยคลิป 18+ ของผู้เสียหายลงโซเชียล มีคนดูคลิปแล้วกว่า 20 ล้านวิว ที่ผ่านมาผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความและร้องไปทางต้นสังกัดแล้ว แต่เรื่องเงียบ คดีไม่มีความคืบหน้า

ผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักคบหากับนายตำรวจคนดังกล่าวเมื่อต้นปี 2565 โดยอาศัยอยู่ด้วยกันที่แฟลตแห่งหนึ่ง ในช่วงแรกฝ่ายชายดูแลเอาใจใส่ดี แต่จะมีเรื่องนิสัยเจ้าชู้และมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาตลอด ในช่วงที่มีความสัมพันธ์กันยอมรับว่ามีการถ่ายคลิปไว้ แต่ด้วยความรักจึงเชื่อและไว้ใจฝ่ายชาย ไม่คิดว่าจะถูกทำร้าย หลังเลิกลาก็ไม่ได้พบกันอีก แต่มีการพูดคุยกันทางไลน์


จากนั้นฝ่ายชายขอให้ออกไปหาเพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ พอไม่ไปก็ส่งคลิปวิดีโอมาข่มขู่ เคยร้องไปที่ต้นสังกัดและขู่ว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา แต่กลับถูกขู่กลับว่าจะส่งคลิปและภาพโป๊เปลือยของตนเองให้ที่ทำงานตน และยังดูถูกอาชีพของตนที่ทำอยู่ด้วย พร้อมย้ำว่านายตำรวจคนดังกล่าวไม่มีแม้แต่ความเป็นผู้ชาย ไม่ควรจะอยู่ในองค์กรตำรวจต่อไป จึงต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนคลิปวิดีโอที่เอาไปลงและข่มขู่มียอดวิว 9 วิว และอ้างว่าลงส่วนตัว จากนั้นมีคนใกล้ตัวทักมาบอกว่าคลิปถูกเผยแพร่สาธารณะ ส่งผลกระทบทุกอย่างในชีวิต ทั้งด้านการงานและครอบครัว ทุกวันนี้ยังคงใช้ชีวิตแบบผวาและจิตตกมาก หลังเกิดเรื่องและแจ้งความยังไม่มีการติดต่อขอโทษจากฝ่ายชาย แต่มีการขอร้องว่าอย่าเอาเรื่อ เพราะหัวหน้าทราบเรื่องแล้ว หลังทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย มองว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่พฤติกรรมที่คนเขาทำกัน

ด้านต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย ว่าถูกอดีตแฟนหนุ่ม ตำรวจสังกัดคอมมานโด ที่เลิกกันไปแล้วกว่า 1 ปี และตัวผู้เสียหายแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว โดยตำรวจคนดังกล่าวทักมาขอมีความสัมพันธ์ หากไม่ยอมออกมาก็ข่มขู่นำคลิปวิดีโอที่เคยมีสัมพันธ์กันมาโพสต์ลงในโซเซียล ซึ่งผู้เสียหายกังวลและไม่อยากให้สามีรับรู้ แต่อดทนไม่ไหวกับการต้องถูกข่มขู่ จึงปรึกษากับครอบครัวและติดต่อมาทางมูลนิธิ


ทั้งนี้ ทราบว่าก่อนหน้านี้นายตำรวจคนดังกล่าวยังเคยไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายอีก 1 คน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยการยอมจะชดใช้เงิน 400,000 บาท และจ่ายมาแล้ว 300,000 บาท โดยทางผู้บังคับบัญชาก็ไปด้วยและขอให้ยอมความ เพราะทำอะไรไม่ได้ คลิปลงไปแล้ว แต่น้องผู้เสียหายคนนี้รวบรวมความกล้าเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะนายตำรวจคนนี้ไม่ได้กระทำกับผู้เสียหายคนเดียว

ล่าสุดมีผู้เสียหายอีก 3 ราย ติดต่อมาทางมูลนิธิว่าถูกส่งคลิปไปลงในแอปพลิเคชัน VK แม้จะอ้างว่าเป็นช่องส่วนตัว แต่คนอื่นเข้าไปดูดคลิปได้ต้องเสียเงิน จึงมองว่าเข้าข่ายเป็นการค้าหรือไม่ ตอนนี้มีคนดูมากกว่า 20 ล้านวิว การกระทำของนายตำรวจคนนี้ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิด เพราะวันที่ 4 ก.พ. ไปไกล่เกลี่ยอีกเคส และวันที่ 6 ก.พ. ยังคงเอาคลิปไปลงต่อ ไม่สนใจความเสียหายที่เกิดกับฝ่ายหญิงที่สภาพจิตใจย่ำแย่มาก เพราะคิดว่าเจ้านายเคลียร์ให้ได้ใช่หรือไม่ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการตำรวจคนดังกล่าวอย่างจริงจัง อย่าให้ปลาเน่าตัวเดียวเสียหายทั้งข้อง เพราะทำให้วงการสีกากีเสื่อมเสีย พร้อมเรียกร้องให้ผู้เสียหายรายอื่นออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะเชื่อว่ามีมากกว่า 4 รายแน่นอน

เผย ผบ.ตร.สั่งกำชับดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ ผบ.ตร. กำชับให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด สำนวนการสอบสวนต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบและรวดเร็ว ในส่วนของคดีผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี วันที่ 6 ก.พ. จากนั้นมีการแจ้งข้อหาเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหากพบว่ามีพฤติการณ์อื่นที่เข้าข่ายความผิดก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

รองโฆษก ตร. ย้ำพฤติการณ์แบบนี้ลูกผู้ชายไม่ทำกัน
ส่วนเรื่องการดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดกองปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ทราบเรื่องและกำชับให้ทำตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. มากำกับดูแลเรื่องวินัย จึงขอให้ผู้เสียหายมั่นใจ พร้อมย้ำว่าพฤติการณ์แบบนี้ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน กินในที่ลับมาขายในที่แจ้ง ถือว่าเป็นพฤติกรรมอันเลวร้าย และยังเป็นถึงข้าราชการตำรวจ แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ตำรวจอย่างรุนแรง ส่วนคนที่ดูคลิปหากส่งต่อถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนคลิปที่เผยแพร่ออกไปจะให้พนักงานสอบสวนทำเรื่องไปยังกระทรวงดีอี ขอใช้คำสั่งศาลปิดกั้นต่อไป

เหยื่ออีกรายโผล่แฉชอบบังคับถ่ายคลิปวิดีโอ
ด้านผู้เสียหายอีกคน อาชีพเป็นครู ให้ข้อมูลว่า รู้จักกับคอมมานโดหนุ่มผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ จากนั้นพูดคุย และตกลงเป็นแฟนกันเมื่อปีปลาย 2562 ก่อนจะเลิกกันช่วงปี 2565 โดยในช่วง 3 ปีกว่าที่คบหากัน เวลามีเพศสัมพันธ์ ส.ต.ท.นายดังกล่าวมักจะชอบถ่ายคลิปวิดีโอไปด้วย ยอมรับว่าไม่ได้สะดวกใจที่จะให้ถ่ายคลิป และบางครั้งมีปฏิเสธบ้าง แต่เพราะคิดว่าเป็นแฟนกัน และมักพูดในลักษณะเชิงบังคับจึงต้องยอม ก่อนจะเลิกรากันตนถามแล้วว่าได้ลบคลิปวิดีโอเหล่านั้นทิ้งทั้งหมดแล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาตามมา

แต่หลังจากเลิกกันได้ราว 1 ปีกว่า ตนเพิ่งมาทราบว่าเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ชายที่ไม่รู้จักทักมาผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียว่ามีคลิปของตนเองขณะมีเพศสัมพันธ์หลุดอยู่ในอินเทอร์เน็ต เมื่อเห็นคลิปตนจำได้ทันทีว่า เป็นตนจริง ตอนนั้นช็อกมาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะยอดคนดูค่อนข้างเยอะ จึงติดต่อตำรวจคอมมานโดคนดังกล่าวมาเคลียร์ มีการนัดไปพบที่ห้องพัก แต่ตนไม่ยอมไป ขอพูดคุยกันที่สถานีตำรวจเท่านั้น ก่อนที่อดีตแฟนหนุ่มจะมาพร้อมกับผู้บังคับบัญชาที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย ก่อนพูดคุยเจรจา พร้อมยืนยันว่าผู้บังคับบัญชาที่มาด้วยไม่ได้มีการกดดัน และให้ความเป็นธรรม

เบื้องต้นตนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอดีตแฟนหนุ่มขอร้องว่าอย่าดำเนินคดี และยินยอมจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหาย แต่ส่วนตัวรู้ว่าหากดำเนินคดีไป อดีตแฟนหนุ่มต้องปล่อยคลิปออกมาแน่นอน เพราะรู้นิสัยว่าเป็นคนกัดไม่ปล่อย ทำให้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างมาก เพราะขณะนำคลิปโพสต์ลงในโซเชียลมีการแนบหน้าบัญชีเฟซบุ๊ก หน้าอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองไปด้วย และไอดีไลน์ไว้ด้วย

ในช่วงที่คลิปหลุดออกไปมีคนเข้ามาติดตามเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมจำนวนมาก บางครั้งถึงขั้นถามว่าตนขายบริการหรือไม่ รู้สึกกังวลใจ เพราะตนเองมีอาชีพเป็นครูและสอนเด็กโต กลัวว่าเด็กนักเรียนจะไปเห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว ส่วนโรงเรียนยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงกลัวว่าจะกระทบกับอาชีพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย