5 มี.ค. – ทีมข่าวลงพื้นที่หาปมเหตุการเปิดศึกของกะเทยไทยและฟิลิปปินส์ พบว่าเป็นการเขม่นกันจากการชอบนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกัน และมีการตัดราคากัน
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของศึกกะเทยไทยและฟิลิปปินส์ ที่เปิดฉากอย่างดุเดือดในซอยสุขุมวิท 11 โดยเป็นคลิปที่กะเทยฟิลิปปินส์เกือบ 20 คน รุมคนไทย 6 คน สาเหตุเกิดจากการเข่มกัน ขณะเที่ยว กิน ดื่ม อยู่ภายในซอย
อีกคลิปจะเห็นคนว่ากะเทยไทยโดนรุม ยั่วยุ ที่ร้านอาหารซีฟู้ดในซอยสุขุมวิท 5 เมื่อฝั่งไทยไม่เปิดก่อน ทำให้ฝั่งฟิลิปปินส์ตามมาหาเรื่องที่ซอย 11 จนเป็นที่มาของคลิปรุมตบ 20 ต่อ 6 นั่นเอง ซึ่งหลังเกิดเหตุมีการโพสต์ในสื่อออนไลน์ของฟิลิปปินส์ มีคนเข้าไปแสดงความเห็นเยาะเย้ยกะเทยไทย นำมาสู่การทวงคืนศักศรีแบบมิได้นัดหมาย
กลุ่มกะเทยไทยนับร้อยคนรวมตัวที่หน้าโรงแรมซิติน ซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นที่พักของกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ ที่หาเรื่องเมื่อวานนี้ กะเทยไทยบางส่วนอดทนรอไม่ไหว บุกเข้าไปเปิดฉากลากกะเทยฟิลปปินส์ออกมาจัดการ ชนิดสายตรวจเอาไม่อยู่ ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าควบคุมสถานการณ์ พยายามพากะเทยฟิลิปปินส์ คนที่ 2 ออกมาจากห้อง แต่สุดท้ายก็ไม่รอด สะบักสะบอมเช่นกัน
ยิ่งดึกกะเทยไทยยิ่งคึก รวมตัวกันมากขึ้น ตำรวจเห็นว่าหากพาคนที่ 3 และ 4 ออกมา คงมีสภาพไม่ต่างจาก 2 รายแรก จึงขอความร่วมมือไปยังกะเทยไทยที่มาดักรอ ห้ามทำร้ายโดยเด็ดขาด แต่หารู้ไม่ว่าลูกๆ กะเทยไทยเขาวางแผนกันไว้แล้ว
หลังขยิบตาส่งซิกกันด้วยสัญชาตญาณ ตำรวจของนำตัวกะเทยฟิลิปปินส์ลงมาจากห้อง วิญญาณนักสู้ก็เข้าสิงแบบไม่คิดชีวิต ทั้งลอยมาตบ หรือแม้แต่เหยียบหัวตำรวจลอยเข้าไปให้ถึงตัว ก็ทำมาแล้วเมื่อคืนนี้
ทีมข่าวลงพื้นที่ซอยสุขุมวิท 11 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พบว่าซอยนี้ หลัง 4 ทุ่ม จะมีหญิงแท้และหญิงเทียมมายืนเต้นหาชาวต่างชาติที่ถูกใจ เราได้ข้อมูลว่าซอยนี้ช่วงก่อนโควิดมีหญิงฟิลิปปินส์มาหากินนานแล้ว แต่สมัยก่อนจะต่างคนต่างอยู่ ไม่กล้าเหิมเกริมกับกะเทยไทย แต่ตั้งแต่หลังโควิด กลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์มีการรวมตัวกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ ยืนตามซอยต่างๆ ดักหานักท่องเที่ยว และมักเปิดศึกกับกะเทยไทยแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ตัดราคากันแบบครึ่งต่อครึ่ง
เช่นเดียวกับโชเฟอร์แท็กซี่ที่หากินในซอยนี้มาเกือบ 10 ปี ยอมรับว่ากลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ หากเจอลูกค้าที่ถูกใจ จะเข้าชาร์จตัวทันที สาเหตุการทะเลาะเชื่อว่ามาจากการเขม่นกัน
เราเข้าไปในโรงแรมซิติน จุดเกิดเหตุบรรยากาศกลับเข้าสู่ความสงบ จากการสอบถามหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรม ปฏิเสธทันทีว่าไม่มีกะเทยฟิลิปปินส์มาเช่าอยู่ยาว แต่มีลูกค้ากะเทยฟิลลิปปินเยอะ เพราะราคาคืนละ 1,000 บาท ถูกกว่าโรงแรมอื่น ทำให้บอกกันปากต่อปากในกลุ่มฟิลิปปินส์ ลูกค้าที่มาพักส่วนใหญ่ ไม่ใช่มาขายบริการ แต่เป็นกะเทยที่มาศัลยกรรมแปลงเพศ และมานอนพักเท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการแจ้งความไว้ทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยตำรวจยังไม่มีมีการแจ้งข้อหาทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากนี้ถือเป็นการบ้านของเจ้าหน้าที่ในการหาคำตอบให้สังคมว่าทั้ง 2 กลุ่มมีอาชีพอะไร และในอนาคตจะเกิดปัญหายกพวกแบบนี้อีกหรือไม่.-สำนักข่าวไทย