1 มี.ค. – “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหายเหยื่อศัลยกรรม มาร้องเพิ่มอีก 2 ราย หลังพบเป็นแพทย์คนเดียวกับที่ทำ “น้องนิ้ง” ร้อง สบส.-แพทยสภา ตรวจสอบใบอนุญาตวิชาชีพแพทย์ และใบอนุญาตเปิดคลินิก หลังพบพยายามจะขอเปิดคลินิกอีกครั้ง
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายอีก 2 คน และพี่ชายของน้องนิ้ง เหยื่อศัลยกรรม มาร้องเรียนที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผู้เสียหายเป็นกรณีต่อเนื่องจากเคสแรกที่พี่ชายของน้องนิ้ง เหยื่อศัลยกรรมความงามคลินิกแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง มาร้องให้ช่วยติดตามคดี หลังน้องสาวกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนติดเตียงเกือบ 5 ปี โดยคลินิกไม่รับผิดชอบค่ารักษา และยังถูกทางโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่เข้ารักษาตัวฟ้องเรียกค่ารักษาเกือบ 30 ล้านบาท จนมีเคส 2 และ 3 มาร้องให้ช่วย
โดยเคส 2 เป็นชายผู้เสียหาย เปิดใจว่า ตนทำอาชีพนายแบบ เคยมีรายได้เดือนละ 100,000-200,000 บาท แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำงานได้ เพราะต้องใช้หน้าตาในการทำอาชีพ เมื่อปี 62 ได้ไปทำศัลยกรรมกับแพทย์เดียวกันนี้ที่คลินิก ตั้งใจไปทำศัลกรรมประรูปหน้า ทุบโหนก และตัดกราม แต่ทำครั้งแรกโหนกแก้มไม่ยุบ จึงติดต่อเอเจนซีและเข้ามาทำอีกครั้ง ก็ยังไม่ดีขึ้น
หลังทำ 1 เดือน มีรอยบุ๋มมีหน้า เหมือนถูกต่อย หน้าเสียโฉม จึงพยายามติดต่อคลินิก แต่ก็ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ บอกแพทย์ทำดีแล้ว ตนจึงไปเอกซเรย์กระดูกหน้า พบว่าแพทย์ทำการศัลยกรรมผิดวิธี ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ตามมาตรฐาน ที่ผ่านมาไม่มีการติดต่อขอเยียวยาใด ๆ จึงไปฟ้องศาล จนมีคำสั่ง ศาลชั้นต้น สั่งให้จ่ายเงินเยียวยา 1.1 ล้านบาท ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่ได้มีการจ่ายแต่อย่างใด
ขณะที่เคสที่ 3 หญิงผู้เสียหาย เล่าว่า ทุกวันนี้ตนเหมือนหญิงพิการ ไม่สามารถให้นมบุตรได้ตลอดชีวิต ผลกระทบจากการทำศัลยกรรมไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ตนต้องเป็นโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ จากการไปทำศัลยกรรมปรับขนาดหน้าอก เมื่อปี 62 จากแพทย์คนเดียวกันนี้ ผิดพลาดจนทำให้หัวนมทั้งสองข้างเนื้อตายต้องตัดทิ้ง โดยตนเรียกร้องขอค่าเสียหายไป 2 ล้านบาท คลินิกและแพทย์บอกให้ไปฟ้องเอา และยังไม่เคยได้รับทั้งคำขอโทษ ซึ่งในชั้นไกล่เกลี่ย ได้มีการเคลียร์ให้จ่ายค่าเยียวยา จบที่ 8 แสนบาท แต่จนถึงวันนี้ได้มาเพียง 3 แสนบาท จึงอยากเตือนภัยผู้ที่คิดจะทำศัลยกรรมให้ศึกษาก่อนให้ดี แม้จะมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ก็ไม่ได้การันตีว่าจะดี จึงอยากให้ไปดูประวัติการรักษาผลงานของแพทย์ให้ดีก่อนด้วย
ด้าน กัน จอมพลัง เผยว่า ตนได้ประสานร้องเรียนผ่าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข อยากให้ติดตามด้วยว่าแพทย์คนดังกล่าว ที่ถูกพักใบประกอบวิชาชีพไปแล้ว และกำลังจะครบเวลาถูกพักใบ ตนจะมาร้องขอให้ตรวจสอบ จากนี้จะดำเนินการ ถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้หรือไม่ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาจากการที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อเหยื่อ ทำให้มองว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพนี้อีก ส่วนของแพทย์เจ้าของคลินิก มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจเจอว่า เป็นบุคคลที่ถูกสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ตั้งแต่ปี 65 จึงอยากมาสอบถามว่าใน ปี 67 จะขอเปิดคลินิกอีกได้หรือไม่
กัน จอมพลัง ยังเปิดเผยว่า มีความพยายามจะขอคุยจากอีกฝั่งติดต่อบอกอยากจะชี้แจง แต่ตนบอกว่า ขอให้เอาความจริงมาคุยกันและต้องมีการแสดงการจะบรรเทาเยียวยาเหยื่อ และขอโทษแบบจริงใจด้วย
ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า แพทย์รายนี้เข้าในขั้นตอนคณะกรรมการการตรวจสอบ ที่มีการร้องเรียนว่ามีการรักษาคนไข้ไม่ได้มาตรฐาน มีการส่งเรื่องเข้าระบบรับเรื่องเปรียบเทียบคดี ซึ่งจากข้อมูลพบว่า แพทย์ผู้ทำศัลยกรรมคนดังกล่าวถูกพักใบอนุญาตจากแพทยสภา ตั้งแต่วันที่ ก.ค.65-มิ.ย.67
ส่วนแพทย์อีกรายที่เป็นเจ้าของคลินิก ทราบว่าถูกศาลตัดสินสั่งเป็นบุคคลล้มละลายไปแล้วจึงไม่สามารถไปเปิดคลินิกได้อีก หากยังมีชื่อเป็นเจ้าของ ตามที่มีรายงานว่าล่าสุด มีความพยายามไปขออนุญาตเปิดคลินิกสองแห่ง คือที่ กทม., เพชรบุรี ทางกรม สบส.ก็จะนำเรื่องเข้ากรรมการสถานพยาบาล เพื่อตรวจสอบให้ไม่สามารถเปิดตามที่ร้องขอเพราะเป็นบุคคลที่ถูกสั่งล้มละลาย โดยตามกฎหมาย การดำเนินเอาผิดที่กรม สบส.ทำได้ จะเป็นการเปรียบเทียบคดีได้แค่โทษปรับ หากดำเนินการผิดมาตรฐาน ถ้าเกินกว่านั้นต้องเป็นคดีอาญา ตามที่ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความ หรือฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย
อธิบดี สบส. ยังเตือนประชาชนหากต้องการทำศัลยกรรมควรตรวจสอบข้อมูลทั้งคลินิกและแพทย์ให้ตรงกันกับสถานประกอบการที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพว่าตรงกันหรือไม่ เบื้องต้นหากพบว่าไม่ตรงสามารถร้องเรียนมาที่กรมฯ ให้ดำเนินการได้เช่นกัน
จากนั้น กัน จอมพลังได้พาผู้เสียหาย 2 ราย และตัวแทนผู้เสียหายรายแรก คือพี่ชายของน้องนิ้ง มายื่นหนังสือและร้องต่อแพทยสภา เพื่อดำเนินการตรวจสอบการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์คนดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย.-417-สำนักข่าวไทย