อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันไม่โกหก ปมคุย 2 นาที ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

กรุงเทพฯ 14 ก.พ.-อดีตสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันพูดเรื่องจริง ไม่โกหก มิจฉาชีพโทรคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี วอนตำรวจไซเบอร์ใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบสร้างการรับรู้ต่อประชาชน ด้านตำรวจไซเบอร์ ยืนยันรับสายโจร 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี ไม่ใช่เรื่องจริง


นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พาอดีตสมาชิกแก๊งคอลเซนเตอร์ เข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อให้ตรวจสอบกรณีอดีตสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนนี้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้อุปกรณ์ล้ำสมัย ราคาเครื่องละ 14 ล้านบาท ดูดเงินออกจากบัญชีเหยื่อได้ด้วยการพูดคุยเพียง 2 นาที โดยไม่ต้องกดลิ้งก์และไม่ต้องกดแอปฯ ใด ๆ เนื่องจากหลังผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับ “สายไหมต้องรอด” เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และเป็นข่าวใหญ่ออกไป ปรากฏว่าตำรวจไซเบอร์และสถาบันการเงินต่างออกมายืนยันว่า ไม่น่าเป็นความจริง ตนและผู้เสียหายจึงต้องการให้ สอท.1 พิสูจน์เรื่องนี้ให้ชัดเจน หากเป็นเรื่องจริงจะได้หาวิธีป้องกันไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นายเอกภพ พามาในวันนี้ เข้าไปสอบถามข้อมูลเบื้องต้น โดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่าที่เชิญ อดีตสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาพบวันนี้เป็นการเชิญมาเพื่อสอบถามในเชิงลึก เพราะเหตุเกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดความมั่นใจและชัดเจน ตำรวจจะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะดูข้อมูลว่า เรื่องโทร 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชีทำได้จริงหรือไม่ เบื้องต้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และอย่ากังวล ถ้าโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ตัดสายทิ้งทันที


ส่วนการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 1 ปี ยังไม่เคยเกิดเคสลักษณะนี้มาแจ้งความ ขณะที่สมาคมธนาคารได้มีหนังสือยืนยันมาแล้วว่าการใช้เสียงพูดคุยเพียงแค่ 2 นาที หรือมากกว่านั้น แล้วดูดเงินออกไป ยังไม่มีเกิดขึ้นจริง พร้อมยืนยันธนาคารมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง

ขณะ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.) ยืนยันมิจฉาชีพแค่โทรมาหลอกคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี ไม่เป็นความจริง

โดยระบุว่าจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลพยานหลักฐานในคดีที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ รวมไปถึงคำแถลงการณ์ของศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ภายใต้สมาคมธนาคารไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่า แค่การรับโทรศัพท์ หรือการกดลิงก์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้มิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีออกไปได้ แม้การรับโทรศัพท์ หรือ การกดลิงก์ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้มิจฉาชีพหลอกลวง แต่จำเป็นต้องมีพฤติการณ์อื่นร่วมด้วย


ทั้งนี้ มิจฉาชีพมักจะใช้วิธีหลัก ๆ ในการหลอกลวงเหยื่อ คือ พูดให้เหยื่อโอนเงินให้เอง อาทิ พยายามหลอกถามข้อมูลเหยื่อเพื่อนำข้อมูลไปใช้เข้าถึงบัญชีบน Application ของเหยื่อ, หลอกล่อให้เหยื่อติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือเพื่อโอนเงินออกเอง และหลอกล่อให้เหยื่อเผลอกดรหัสนิรภัย หรือ ข้อมูลสำคัญสำหรับโอนเงิน

และเมื่อเหยื่อรับสายมิจฉาชีพ จะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง พยายามสนทนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหยื่อไม่มีสมาธิจดจ่อกับข้อความที่ปรากฎขึ้นบนโทรศัพท์ เมื่อเหยื่อเริ่มเคลิ้มตามไปกับมิจฉาชีพ มิจฉาชีพจะใช้จังหวะนี้ในการหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการเข้าถึงแอปบัญชีธนาคาร

จากกรณีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น “สายชาร์จดูดเงิน”, “ลิงก์ดูดเงิน“, “QR Code ดูดเงิน” และในกรณีล่าสุด “รับสายแล้วดูดเงิน” ล้วนไม่เป็นความจริง มิจฉาชีพต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอนกว่าที่จะสามารถขโมยบัญชีของเหยื่อได้

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ กล่าวถึงแนวทางการป้องกัน คือ ไม่ดาวน์โหลดติดตั้ง รวมถึงกดลิงก์ใดๆ โดยเฉพาะจากแหล่งที่ไม่รู้จักพร้อมให้ตรวจสอบลิงก์ก่อนกดทุกครั้ง ไม่สแกนใบหน้ากับโปรแกรมจากแหล่งอื่น ๆ นอกเหนือจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store (App Store สำหรับ IOS และ Play Store สำหรับ Android เป็นต้น) เมื่อรู้ตัว หรือสงสัยว่ากำลังคุยกับมิจฉาชีพ ไม่แนะนำให้คุยต่อ เพราะอาจจะหลงเชื่อมิจฉาชีพ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจจะมีข้อมูลจริงทำให้พูดคุยแล้วยิ่งหลงเชื่อ รวมไปถึงอาจเสี่ยงต่อการถูกนำเสียงไปใช้ปลอมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นต่อ หลีกเลี่ยงการใช้รหัสเดียวกันในการปลดล็อกอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะรหัสเข้าแอปพลิเคชัน Mobile Banking เพื่อป้องกันการเผลอกดรหัสโอนเงินโดยไม่ตั้งใจ และหากมีข้อสงสัย ให้โทรสอบถามที่เบอร์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง หรือโทรปรึกษาสายด่วนศูนย์ AOC 1441. -412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

วัดอรุณฯ เนืองแน่น นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานลอยกระทง

นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแน่นวัดอรุณฯ ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 2567 “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” มีน้องหมูเด้ง Thai Cuteness นำนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรม นางสาวไทย(ดินสอสี) ชวนรำวงลอยกระทง 6 ภาษา ผลักดันเทศกาลไทยสู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“จิราพร” มอบทนายนำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิงอ้างชื่อรีดทรัพย์

ทนายความ “รมต.” นำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิง อ้างชื่อเรียกรับเงินกลุ่ม “ดิไอคอน” ยืนยันไม่เคยรู้จักกัน

ข่าวแนะนำ

หารือสีจิ้นผิง

นายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายความร่วมมือการค้า-ลงทุน

นายกรัฐมนตรี หารือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนสองประเทศ พร้อมอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากปักกิ่งประดิษฐานท้องสนามหลวง

สีฐานเฟสติวัล สุดยอดเทศกาลลอยกระทง จ.ขอนแก่น

บรรยากาศงานลอยกระทง จ.ขอนแก่น โดยเฉพาะภายในบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น คึกคัก มีประชาชนเดินทางมาร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง