12 ก.พ. – แก๊ง Call Center ล้ำไปอีกขั้นทุ่มเงินซื้อเครื่องมือดูดเงินจากต่างประเทศมูลค่า 560 ล้านบาท ใช้เวลา 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี ดูดได้วันละ 70 บัญชี เล็ง เป้าหมายข้าราชการเกษียณ-นักธุรกิจ และคนไทยที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 2 ล้านบาท
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์แก๊งคอลเซนเตอร์ ที่เพิ่งหลบหนีออกมาได้ แถลงเปิดข้อมูลด้านมืดกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล้ำไปอีกขั้นสามารถพัฒนาเทคโนโลยีดูดเงินจากแอพพลิเคชั่นธนาคารในโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องกดลิ้งค์ หรือโหลดแอพใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่เรารับสายมิจฉาชีพพูดคุยประมาณ 2 นาทีเท่านั้น เงินก็จะถูกดูดหมดบัญชี
ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงเดือนมกราคม ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกัน ติดต่อให้ไปทำงานกาสิโนถูกกฎหมายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยหญิงรายนั้นโอนเงินมาให้ 2 พันบาท เป็นค่าเดินทางไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อข้ามฝั่งไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อข้ามไปแล้วมาทราบภายหลังว่าถูกหลอกให้มาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อคิดหลบหนีก็สายไปแล้ว จึงจำยอมทำงาน
ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อเข้าไปในที่ทำงานจะเห็นเป็นอาณาจักรที่คนจีนสร้างไว้คล้ายเรือนจำ มีหลายตึก มีรั้วรวดหนามสูง 4 เมตร ยากมากที่จะข้ามหนี ตนเห็นอุปกรณ์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกคนเป็นเครื่องดูดเงินมี 4 เครื่อง ๆ ละ 4 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 140 ล้านบาท สามารถดูดเงินได้ 70 บัญชีต่อวัน โดยมีคนจีนเป็นผู้ควบคุมเครื่อง วิธีการทำงานของเครื่องก็ไม่ซับซ้อน แค่โทรศัพท์ไปหาคนไทยหรือเหยื่อเพื่อให้ยืนยัน ชื่อ-สกุล เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ และเลขบัญชีธนาคาร ก็สามารถดูดเงินได้แล้ว ส่วนตนเวลาโทรหาเหยื่อจะแนะนำตัวว่าเป็นพนักงานจากหน่วยงานรัฐบาล พยายามชวนคุยไปเรื่อย ๆ ให้ครบ 2 นาที เมื่อคนไทยพูดยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลเสร็จ จะส่งเสียงไปให้เจ้าหน้าที่คนจีนใช้เครื่องดูดเงินทำการแฮกเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายจนเงินหมดเกลี้ยงบัญชี ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่คนจีนจะล็อคเป้าไปที่ข้าราชการระดับสูง ข้าราชการเกษียณ และนักธุรกิจคนไทยที่มีเงินในบัญชี 2 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนใหญ่จะซื้อมาจากธนาคารของรัฐบาล เช่น ข้อมูล 1,600 รายชื่อ ซื้อราคา 10 ล้านบาท เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ตนก็จะโทรหารายชื่อเหล่านี้ และต้องหายอดให้คนจีนประมาณ 150 ล้านบาท/วัน โดยได้เงินเดือนละ 3 หมื่นบาท ค่าคอมมิชชั่น ล้านละ 1 หมื่น 5 พันบาท
ต่อมา ตนจึงได้หลบหนีออกมาโดยการใช้ผ้านวมพาดไปยังรั้วลวดหนาและขึ้นไปยังชั้น 5 เพื่อกระโดดข้ามรั้วที่มีความสูงประมาณ 3-4 เมตร จากนั้นตนได้เรียกรถ 3 ล้อ ไปส่งที่หน้าด่านอรัญประเทศ และขอยืมโทรศัพท์คนขับรถ 3 ล้อ โทรไปขอยืมเงินจากผู้คุมซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน มาจ่ายค่ารถและค่าข้ามประเทศโดยมุดเข้าช่องทางธรรมชาติ จำนวน 3,000 บาท
นายเอกภพ กล่าวว่า กรณีนี้ตนอาจจะประสานไปยังตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งฝากไปถึงทุกหน่วยงานว่าอย่ากระทำแบบนี้กับคนไทยด้วยกันเองเลย หากเจ้าหน้าที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐท่านใดกำลังกระทำอยู่ขอให้เลิกทำและเลิกกินเงินสินบน นอกจากนี้ตนยังได้รับทราบข้อมูลมาว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการเบิกถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารตามแนวชายแดนในประเทศไทยทุกวัน แต่ทำไมธนาคารถึงไม่สงสัยเลย หรือมีการติดสินบนแก่เจ้าหน้าที่ธนาคารหรือไม่ ตนจึงอยากฝากให้ธนาคารและตำรวจชายแดนตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย. -412-สำนักข่าวไทย