รวบ “บังมุด” กลางสยาม ก่อเหตุยิงปืนข่มขู่ลักทรัพย์ของผู้เสียหาย

กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – สืบนครบาล รวบ “บังมุดหัวร้อน” กลางสยาม ก่อเหตุยิงปืนข่มขู่ลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่หน้าห้างดังย่านทองหล่อ


ตำรวจนครบาลตามจับนายสุรศักดิ์ หรือ บังมุด อายุ 27 ปี ก่อเหตุยิงปืนข่มขู่ลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่หน้าห้างดังย่านทองหล่อ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจค้นรถยนต์ที่ผู้ต้องหาขับมาจอดที่บริเวณดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ 1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 3 เม็ด 2.มีดพกแบบพับ ขนาดยาว 24 ซม.

โดยพฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 02.30 น. ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ขับรถ Taxi มาตามเส้นทาง ถนนสุขุมวิท จากแยกทองหล่อ มุ่งหน้าไปแยกอโศก เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า ผู้เสียหายจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรที่บริเวณที่เกิดเหตุ ในระหว่างนั้นผู้ต้องหา ได้ขับขี่จักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น PCX ขับขี่แทรกแซงเส้นทางบนถนน ทำให้เกิดมีอารมณ์ไม่พอใจบาดหมางกัน จากนั้นผู้ต้องหาได้ควักปืนออกมายิงข่มขู่ผู้เสียหาย จำนวน 1 นัด ผู้เสียหายจึงได้หนีหลบซ่อนตัวกลัวว่าจะถูกยิง ผู้ต้องหาจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวลักเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป โดยได้ลักเอากระเป๋าสตางค์ 1 ใบ มีเงินสด 3,500 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พร้อมร่องรอยกระสุนปืนที่บริเวณกันชนรถยนต์ โดยต่อมา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ทางชุดสืบนครบาล สืบทราบว่า ผู้ต้องหาติดต่อรับงาน “รับส่งลูกค้า” ในท้องที่ปทุมวัน กรุงเทพฯ แถวสยาม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบและจับกุมตัว นายสุรศักดิ์ ได้ที่บริเวณข้างโรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ซอย 6 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ


โดยผู้ต้องหาให้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าตนเป็นผู้กระทำความผิดดังกล่าวจริงโดยได้ก่อเหตุต่อหน้าครอบครัว โดยตนมีอุปนิสัยอารมณ์ร้อน ใจถึง เพื่อนฝูงพึ่งพาได้ โดยผู้ต้องหายังได้รับสารภาพอีกว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริงและได้พกพามีดไว้เพื่อป้องกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจริงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบว่า “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน,โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ,โดยมีอาวุธ,โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม,ทำให้เสียทรัพย์,ข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ” ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 66/2567 ลงวันที่ 17 มกราคม 2567 และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พกพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร นำต้วส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านตำรวจแจ้งเตือนภัย ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม ใช้รถใช้ถนนอย่างมีสติ หากเกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งโปรดใช้ความอดทนอดกลั้น มีน้ำใจบนท้องถนน หรือหากเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวโปรดรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ โดยสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายังเพจ “สืบนครบาลIDMB” ได้ตลอด 24 ชม. -414-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

ชมความงามอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งขุนวาง

ตามยอดดอยหลายแห่งทางภาคเหนือ เริ่มกลายเป็นดอยสีชมพูจากดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย รวมทั้งอุโมงค์นางพญาเสือโคร่ง ในศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ขุนวาง จ.เชียงใหม่

ผงะ! ช่างรับเหมารีโนเวทบ้านพบระเบิดลูกเกลี้ยง 3 ลูก ซุกบ้านร้าง

ช่างรับเหมารีโนเวทบ้านร้าง ผงะ! พบระเบิดลูกเกลี้ยง 3 ลูก ซุกซ่อนในบ้าน แจ้งสายตรวจลาดพร้าว ประสานอีโอดีเก็บกู้ด่วน พบสภาพพร้อมใช้งาน 1 ลูก

“ติ๊ก ชีโร่” กราบศพ “น้องจูเนียร์” พ่อเผยพร้อมเจรจาเรื่องเยียวยา

“ติ๊ก ชีโร่” เดินทางเข้ากราบศพ “น้องจูเนียร์” ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า พ่อเผยพร้อมเจรจาเรื่องเยียวยา ส่วนคดีปล่อยไปตามขั้นตอนกฎหมาย

ดารา-นายแบบจีนขอบคุณ ตร.ไทย ช่วยกลับประเทศปลอดภัย

ดาราและนายแบบจีนขอบคุณตำรวจไทยช่วยเหลือกลับประเทศโดยปลอดภัย ด้านจเรตำรวจแห่งชาติ เตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับสื่อต่างประเทศนำเสนอ Fake News