พ่อแม่ร้อง “บื๊กโจ๊ก” ขอผลชันสูตรศพลูกสาวพลัดตกตึกที่มาเลเซีย

สโมสรตำรวจ 2 ก.พ. – พ่อแม่ร้อง “บื๊กโจ๊ก” ขอผลชันสูตรศพลูกสาวพลัดตกตึก 33 ชั้นในมาเลเซีย หลังผลผ่าศพของนิติเวชไทย พบร่องรอยฟกช้ำตามตัวศพ


นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.นพรัตน์ อายุ 62 ปี และนายณรงค์ชัย อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของน้องจ๋า อายุ 23 ปี ที่พลัดตกจากตึกชั้น 33 เสียชีวิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สโมสรตำรวจ เพื่อขอให้ช่วยประสานกับทางนิติเวชมาเลเซียในการขอผลชันสูตรศพน้องจ๋า เนื่องจากพ่อแม่สงสัยสาเหตุการตายของลูกสาวและผลชันสูตรรอบ 2 ที่ไทยพบรอยฟกช้ำตามร่างกาย เนื่องจากถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต พร้อมขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากเพื่อนสาวคนสนิทที่ชักชวนน้องจ๋าไปเที่ยวมาเลเซีย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นางปวีณา พาพ่อแม่น้องจ๋า เดินทางไปฟังผลชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยพบว่า ตามร่างกายมีแผลถลอกฟกช้ำเป็นรอยครูดทั่วตัวที่คาง ไหล่ ก้น หลัง ต้นแขน และขาหนีบ ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต อีกทั้งยังพบกระดูกกะโหลกด้านหลังแตก กระดูกต้นขาหัก กระดูกข้อเท้าหัก กระดูกเชิงกรานหัก กระดูกสันหลังหัก ซี่โครงซ้าย-ขวา ด้านหลังหัก อวัยวะทุกส่วนหักหมด นอกจากนี้ยังได้ตัดชิ้นส่วนตับเพื่อไปตรวจดูสารพิษ และตัดเล็บไปตรวจหาเนื้อเยื่อ หรือ DNA และทำการเก็บสารคัดหลั่งในช่องคลอด ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจจากห้องแล็ปเพื่อทราบผลอย่างละเอียด


ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชันสูตรศพน้องจ๋า รายงานว่า เป็นการผ่าชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เนื่องจากมีการผ่าพิสูจน์ครั้งแรกมาจากที่ประเทศมาเลเซียและมีการฉีดฟอร์มาลีนมาแล้ว ทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจสารพิษ ส่งผลให้หาเลือดและปัสสาวะไม่ได้ จึงอยากให้ประสานขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชมาเลเซีย เพื่อประกอบการพิจารณาหาข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของน้องจ๋าให้กระจ่าง

ขณะนี้พ่อแม่ของน้องจ๋ายังเกิดความกังขาในเรื่องรอยช้ำตามร่างกายก่อนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์ครั้งแรกที่มาเลเซียที่จะนำมาพิจารณาร่วมด้วยว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากสาเหตุใด

ส่วนประเด็นเพื่อนสนิทของน้องจ๋าที่อยู่มาเลเซีย ขณะนี้ได้โทรศัพท์มาหานางปวีณา และได้ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของน้องจ๋าให้กับพ่อแม่น้องจ๋าแล้ว หลังจากการสอบสวนที่มาเลเซียเสร็จสิ้นและส่งมอบคืนโทรศัพท์น้องจ๋าแก่เพื่อน โดยได้นำไปมอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์และเฟชบุ๊กเพื่อนสนิทน้องจ๋า เพื่อขอข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป


นางปวีณา เล่าอีกว่า เพื่อนสนิทของน้องจ๋ามีแฟนเป็นชาวมาเลย์และเปิดสถานบันเทิง โดยเพื่อนสนิทเล่าว่า ก่อนน้องจ๋าจะเสียชีวิต น้องได้ไปเที่ยวที่ผับของแฟนเพื่อนสนิท ก่อนที่แขกของผับจะพาน้องจ๋ามาส่งที่คอนโด จึงให้น้องมาพักที่ห้องชั้น 33 ซึ่งเป็นห้องของเพื่อนสนิท หลังจากนั้นเพื่อนสนิทและแฟนเพื่อนก็ได้ลงมาซื้ออาหารกินด้านล่างตึก ปรากฏว่าไม่นานก็พบว่าน้องจ๋าพลัดตกลงมาจากห้องชั้น 33 เสียชีวิต เพื่อนสนิทระบุอีกว่า น้องจ๋ามีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง แต่ก็ยังข้อสงสัยว่า บาดแผลฟกช้ำตามร่างกายขนาดนั้นจะเกิดจากการทำร้ายร่างกายตัวเองได้อย่างไร หรือถูกใครทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดว่ามีพิรุธอะไรอย่างไร

ด้าน น.ส.นพรัตน์ กล่าวทั้งน้ำตาร้องของช่วยเหลือให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ความเป็นธรรมแก่การเสียชีวิตของลูกของตน โดยตนสงสัยในการเสียชีวิตของลูกสาวอย่างมาก น้องจ๋าเป็นเด็กดี น่ารักมาก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าลูกไปมาเลเซียทำไม แล้วไปเมื่อไหร่ นึกว่าน้องจ๋าอยู่โคราชมาโดยตลอด ตอนนี้เสียใจอย่างมากจนไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม แต่สัญญาว่าหลังจากนี้จะเข้มแข็งและจะหมั่นทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ลูก

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีนี้ทางคุณปวีณาได้ประสานเรื่องกับตนมาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ตนเตรียมให้จะประสานความร่วมมือไปยังตำรวจมาเลเซีย เพื่อขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชและผลการสอบสวนของตำรวจประเทศมาเลเซียต่อไป รวมทั้งจะต้องดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายในกรณีนี้ ก็คือพ่อแม่น้องจ๋าอย่างละเอียด อีกทั้งตนได้สั่งการให้ชุดทำงานบินไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นและตนจัดเตรียมบินตามไปทีหลัง โดยกรณีนี้จะต้องสืบอย่างชัดเจนหาให้ได้ว่า น้องจ๋านั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่ปรากฏนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเสียชีวิตและคดีนี้จะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ได้โทรศัพท์มือถือของน้องจ๋าแล้วก็คาดว่าจะสามารถสืบสวนหาความชัดเจนได้ต่อไป.-412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย