“บิ๊กโจ๊ก” เผยผู้ต้องหาชาวเยอรมันซื้อกามเด็ก ยืนยันนักข่าวบิดเบือนเรื่องจ่ายสินบน

กทม. 26 ม.ค. – “บิ๊กโจ๊ก” เผยผู้ต้องหาชาวเยอรมันที่ซื้อบริการทางเพศเด็ก เขียนจดหมายผ่านอัยการเยอรมัน ยืนยันนักข่าวเยอรมันบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการออกนอกประเทศ เผยฝ่ายตุลาการของไทยทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ พร้อมขอโทษที่ทำให้ประเทศไทยเสียหาย

หลังจากเดินทางเข้าพบกับตำรวจสหพันธรัฐเยอรมันในช่วงเช้า เวลาต่อมาคณะของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าพบอัยการ เจ้าของสำนวนคดีนายเจน คริช ผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ที่ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงในประเทศไทยและถูกจับกุม ก่อนที่จะขอประกันตัวเดินทางกลับประเทศเยอรมัน


การพูดคุยในวันนี้ทางการไทยได้ประสานมาก่อนล่วงหน้าเพื่อขอเข้าพบหรือขอพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเจน คริช เพื่อให้ยืนยันว่า กรณีที่นักข่าวชาวเยอรมันได้เผยแพร่สารคดี ระบุว่านายเจน ได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 1 ล้านบาท แลกกับการประกันตัวเดินทางกลับประเทศเยอรมัน มีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะสื่อที่เผยแพร่ในประเทศเยอรมันส่งผลเสียต่อเจ้าหน้าที่รัฐและประเทศไทย

จากการพูดคุยกับอัยการรัฐเยอรมัน ยืนยันว่า หลังจากนายเจน เดินทางกลับมายังประเทศเยอรมัน ทางการก็ได้เข้าควบคุมตัวไว้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวน นายเจน ได้ให้การว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าขณะไปเที่ยวสถานบริการในพัทยา คนที่ตนได้ใช้บริการอายุต่ำกว่า 18 ปี และเมื่อถูกจับกุมก็พยายามขอประกันตัวเพื่อเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากตัวเองมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ และยังมีธุรกิจต้องดูแล สุดท้ายก็ติดเรื่องสถานการณ์โควิดที่ยังมีการแพร่ระบาด จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาตามนัดหมายของศาลในประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีการจ่ายเงินเป็นค่าสินบนให้แก่ใครและฝ่ายตุลาการของประเทศไทยก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเงินที่จ่ายไปเป็นค่าประกันตัวเท่านั้น


ส่วนข่าวที่ออกในสื่อของเยอรมัน ผ่านนักข่าวคนหนึ่งที่เข้ามาสัมภาษณ์ ข้อมูลที่ถูกตีแผ่ออกไปผ่านสารคดี เป็นข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อหวังสร้างเรตติ้ง ด้วยการโจมตีประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งตนรู้สึกผิดมากที่ให้สัมภาษณ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงอยากขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นายเจน ได้เขียนจดหมายอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยหัวจดหมายชัดเจนว่าเป็นการอธิบายข้อมูลที่เป็นจริงจากที่ถูกนักข่าวบิดเบือนจนทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย ซึ่งทางอัยการเยอรมัน ได้ส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้แก่ทีมงานของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดินทางมาติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ด้วยตนเอง

อัยการเยอรมันยังบอกด้วยว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเหมือนที่ผ่านมา

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าการเดินทางมาในวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย แม้จะไม่ได้พบนายเจน หรือได้พูดคุยทางโทรศัพท์ แต่กลับได้เอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรภาษาเยอรมัน ที่นายเจน เขียนอธิบายถึงข้อมูล สารคดีข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ถึงขั้นอ้างว่าตนจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เป็นค่าสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนได้ให้เจ้าหน้าที่แปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว


ทั้งนี้ ข้อมูลในจดหมายของนายเจน ตรงกับที่อัยการเยอรมัน ได้อธิบายให้ คณะที่เดินทางมาในวันนี้ได้รับทราบ นายเจน ยังอธิบายด้วยว่า นักข่าวที่ทำสารคดีเรื่องดังกล่าวไม่เพียงจะบิดเบือนข้อมูลเพื่อสร้างยอดผู้ชมใน YouTube นักข่าวคนนั้น ยังดูถูกนายเจนและดูหมิ่นประเทศไทย จนนำมาซึ่งความเสียหาย

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันด้วยว่าเส้นทางการเงินของนายเจน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ ตรงกับคำชี้แจงของนายเจน เป็นลายลักษณ์อักษร มีการจ่ายเงินให้กับทนายความเพื่อเป็นค่าประกันตัวตามข้อเท็จจริง ซึ่งในเจน ก็ยืนยันว่า ฝ่ายตุลาการและตำรวจของไทย ได้ทำงานอย่างมืออาชีพ และขอโทษในสิ่งที่ตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่มีทัศนคติต่อประเทศไทยไม่ดี พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงจนนำมาซึ่งความเสียหาย เนื่องจากตนเองไม่มีประสบการณ์ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหรือนักข่าว ที่ไร้จรรยาบรรณ อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปจะนำเอกสารทั้งหมด กลับไปให้พนักงานสอบสวนได้ขยายผลตรวจสอบเพิ่มเติม โดยจะนัดประชุมกับทีมงานทั้งหมดที่สโมสรตำรวจ หลังจากที่คณะเดินทางกลับไปถึงประเทศไทย. -412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]