คืบคดี “ป้าบัวผัน” พบเหยื่อเพิ่ม

17 ม.ค. – คดีเยาวชนวัย 13-16 ปี สมาชิกแก๊งตังค์ไม่ออก 5 คน ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทำร้ายร่างกาย “ป้าบัวผัน” เสียชีวิต ล่าสุดวันนี้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้ 3 ราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 5 เยาวชน ขณะที่แม่ค้าซึ่งให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนก็ถูกคุกคามด้วย


ช่วงเช้าที่ผ่านมาผู้เสียหาย 3 คน ตกเป็นเหยื่อ 5 เยาวชน กลุ่มที่ทำร้ายป้าบัวผันเสียชีวิต เดินทางมาพบพลตำรวจตรีออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรสระแก้ว และพันตำรวจเอก พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับเยาวชนทั้ง 5 คน รายแรก เป็นสาวสวย LGBTQ อายุ 36 ปี ตกเป็นเหยื่อตามคลิปที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ถูก 1 ใน 5 เยาวชน ทำร้ายร่างกาย ส่วนเยาวชนหญิงอีกสองคน ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

หลังจากสอบถามเบื้องต้น พบว่าเหยื่อรายแรก วัย 36 ปี ถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่เด็กอีก 2 คนถูกล่วงละเมิดทางเพศ ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ตำรวจจึงรับเป็นคดี พร้อมประสานอัยการจังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และนักสังคมสงเคราะห์ ให้เข้ามาสอบปากคำเยาวชนทั้ง 2 คน และมีรายงานว่า ยังมีเยาวชนหญิงอีก 1 คน เตรียมเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเยาวชนกลุ่มนี้เพิ่มเติม หลังถูกปืนจ่อศีรษะ


กัน จอมพลัง ระบุจากข้อมูล แก๊งตังค์ไม่ออก มีประมาณ 20 คน มีลูกตำรวจเป็นหัวโจกประจำแก๊ง คาดว่าอาวุธปืนที่ใช้เป็นของพ่อ แก๊งนี้ก่ออาชญากรรม ทั้งในและนอกพื้นที่อรัญประเทศ จับกลุ่มรวมตัวตั้งแก๊งซิ่งรถจักรยานยนต์บนถนน ข่มขู่คุกคาม ทำร้ายร่างกาย วางเพลิง เผาทรัพย์ และร้ายสุดข่มขืนกระทำชำเรา

ส่วนกรณีป้าบัวผัน จากการตรวจสอบ พบว่าสาเหตุเกิดจากความเข้าใจผิด 1 ใน 5 เยาวชน ทํา Power Bank หล่นหาย และเข้าใจว่าป้าบัวผัน เป็นคนเก็บไป จึงลงมือทำร้าย หลังเกิดเหตุ ทั้ง 5 คน แชทไลน์คุยกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ตำรวจเก็บแชทดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานแล้ว ด้านปมคำรับสารภาพของลุงเปี๊ยก กัน จอมพลัง ระบุ เพียง สั้นๆ ว่า ตนเชื่อว่าสังคมและสื่อมวลชนมองออก โนคอมเมนต์เรื่องนี้

ด้านแม่ค้าขายกับข้าวในซอยจุดรวมพลคนแก๊งตังค์ไม่ออก ปล่อยโฮร่ำไห้ต่อหน้าสื่อ วอนกัน จอนพลังและสื่อมวลชน ช่วยคุ้มครองความปลอดภัย หลังให้ข้อมูลสื่อมวลชน ถึงพฤติกรรมของเยาวชนแก๊งตังค์ไม่ออก มั่วสุมต้มน้ำกระท่อม เล่นไล่ฟันไล่แทงกันกลางถนน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หวังให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าแก้ปัญหา เพื่อความสงบของชุมชน กลับถู เยาวชนเพื่อนร่วมแก๊ง ข่มขู่เผาร้านค้า หนำซ้ำยังถูกเพื่อนบ้านด่าทอว่าหิวแสง


อดีตสมาชิกแก๊งตังค์ไม่ออก เป็นเยาวชนหญิง 2 คน ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า เคยอยู่กับแก๊งนี้เมื่อ 3 ปี ที่แล้ว ตอนนั้นอายุเพียง 13 ปี เห็นเพื่อนรวมตัวกัน ก็ไปด้วย เพื่อนในกลุ่มชอบนัดพี้กัญชา ต้มน้ำกระท่อมดื่มกัน ซึ่งสมาชิกในแก๊ง อายุระหว่าง 13-17 ปี สาเหตุที่ออกจากแก๊งเพราะคนเยอะเกินไป เกือบทั้งหมดเป็นผู้ชาย พวกเขาไม่เล่นด้วย ทั้งสองจึงแยกตัวออกมา หากไปตีรันฝันแทงหรือทำร้ายใคร มักอัปลงสตอรี่ เพื่อประกาศศักดาผ่านโซเชียลให้คนอื่นรู้ ส่วนเพื่อน 1 ใน 5 คน ที่ถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายป้าบัวผันเสียชีวิต ชื่อโก๊ะ ซึ่งโดยปกติแล้วเขาเป็นคนดี ไม่คิดว่าโก๊ะจะร่วมลงมือก่อเหตุด้วย ซึ่งการทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เคสนี้ไม่ใช่เคสแรก แต่เป็นเคสที่ 2 ของแก๊ง เพราะหลายปีก่อน เคยก่อเหตุฆ่าคนตายมาแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุถูกจับดำเนินคดีเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันแก๊งตังค์ไม่ออกมีสมาชิกอยู่ประมาณ 30 คน มีแบงค์เป็นหัวหน้าแก๊ง

ด้านพันตำรวจเอกพิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ ระบุว่า หลังเกิดเหตุกับป้าบัวผัน ได้เพิ่มความเข้มเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ให้ตำรวจสายตรวจและตำรวจสืบสวน ลงพื้นที่ตระเวนตามจุดเสี่ยง จุดล่อแหลมเข้มเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ตั้งแก๊งตั้งก๊วน มั่วสุม ให้นำตัวกลับมาทำประวัติ และผลักดันกลับเข้าที่พักก่อน 22.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้ขี่รถมอเตอร์ไซค์เร่ร่อนในพื้นที่ จนเหตุการณ์บานปลายซ้ำรอยป้าบัวผันได้อีก

ส่วนกรณีอาวุธปืนที่หนึ่งในเยาวชน แก๊งตังค์ไม่ออกใช้ข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งสังคมสงสัยเป็นปืนพ่อที่เป็นตำรวจหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่จนถึงขนาดนี้ยังไม่พบอาวุธปืน ส่วนประเด็นที่มีสื่อบางสำนักรายงานข่าวว่าตำรวจใช้ถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยกเพื่อให้รับสารภาพ สารวัตรสืบสวน ซึ่งทำหน้าที่จับกุมลุงเปี๊ยก และเป็นคนสอบปากคำ ยืนยันไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และทุกขั้นตอนมีการถ่ายคลิปไว้ พร้อมระบุเคยมีบทเรียน เรื่องถุงดำคลุมหัวมาแล้ว ตำรวจไทยที่ไหนก็ไม่กล้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”

วางระเบิด 4 ลูก เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน จ.นราธิวาส

เช้ามืดวันนี้ (21 พ.ย.) เกิดระเบิดขึ้นอีก 4 ลูก บริเวณเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนบ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน