พี่สาวป้าบัวผัน ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

กทม. 16 ม.ค.- พี่สาวป้าบัวผัน ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี หลับพบ 1 ในผู้ก่อเหตุเป็นลูกตำรวจ ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” จ่อลงพื้นที่หาความจริง บ่ายนี้


จากกรณีเกิดคดีสะเทือนใจการเสียชีวิตของ “ป้าบัวผัน” หรือ “ป้ากบ” อายุ 47 ปี หญิงสติไม่ดีในจังหวัดสระแก้ว ที่ตอนแรกตำรวจจับตัวนายปัญญา สามี หลังให้การรับสารภาพ เป็นผู้ก่อเหตุ แต่สุดท้ายตรวจพบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ชัดเจน ว่า คนที่ก่อเหตุไม่ใช่สามี แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่น 5 คน อายุระหว่าง13-16 ปี ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นลูกของตำรวจในพื้นที่ 

เวลา 10.30 น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พาพี่สาวของป้าบัวผันเข้าพบ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากเกรงว่าคดีนี้ผู้ก่อเหตุเป็นถึงลูกตำรวจ และเป็นเยาวชนด้วย และเชื่อว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการสร้างพลอตเรื่องให้ลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผัน รับสารภาพ เพราะลุงเปี๊ยกให้การตรงเรื่องพฤติกรรมก่อเหตุ เช่น การใช้เก้าอี้ทุบหัวป้าบัวผัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หลังได้รับการปล่อยตัว ลุงเปี๊ยกก็หายไปเลย จึงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่ามีใครที่รู้ข้อมูลการก่อเหตุ การใช้เก้าอี้ทุบหัวป้าบัวผัน แล้วมาบังคับให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เพื่อเป็นแพะให้กับลูกตำรวจหรือไม่ ในเมื่อลุงเปี๊ยกไม่ใช่ผู้ก่อเหตุตัวจริง ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จะทราบเรื่องเก้าอี้ได้อย่างไร ทั้งนี้ทราบมาว่าหลังจากปล่อยตัวลุงเปี๊ยกออกจากเรือนจำ ได้ไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ในจังหวัดสระแก้ว ไม่ใช่บ้านญาติที่จังหวัดสุรินทร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมออกมาแล้วไม่ได้ใช้ชีวิตปกติ มีใครบังคับให้ลุงไปอยู่เซฟเฮ้าส์ ไปควบคุมตัวลุงเปี๊ยกไว้เพื่อประการใดหรือไม่


ขณะที่ผู้กำกับ สภ.อรัญประเทศเองก็ขาดการติดต่อไปเช่นกัน แม้แต่นายตำรวจระดับผู้บังคับการก็ยังติดต่อไม่ได้ ซึ่งนางสาวบัวผันเสียชีวิตอย่างทรมานและโหดเหี้ยม หากไม่มีกล้องวงจรปิดออกมา ลุงเปี๊ยกก็คงยังอยู่ในเรือนจำ จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะญาติของนางสาวบัวผันไม่เชื่อมั่นในตำรวจท้องที่อยู่แล้ว

ด้านพี่สาวป้าบัวผัน เปิดเผยว่า มีความกังวลว่าจะไม่ได้ความยุติธรรม เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่เคยมาดูแลเลย และสงสัยว่าลุงเปี๊ยกไปรับสารภาพทำไมทั้งที่ไม่ได้ทำ ทำไมไม่บอกตำรวจไปว่าไม่ได้ทำ หรือ มีใครสั่งให้เขาทำหรือไม่ ซึ่งตอนแรกที่ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ตนเองก็ไม่เชื่อว่าลุงเปี๊ยกจะทำจริงๆ ไม่เชื่อว่าจะทำขนาดนี้ แม้ที่ผ่านมาทั้งคู่ จะมีทะเลาะตบตีกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยรุนแรง ส่วนหลังลุงเปี๊ยกถูกปล่อยตัวก็ไม่เจอตัวลุงเปี๊ยกเลย และไม่ทราบว่าลุงเปี๊ยกอยู่ที่ไหนด้วย

ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่าเรื่องนี้เกิดจากความไม่มั่นใจของญาติผู้เสียชีวิตในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวานตนเองได้สอบถามข้อมูลคดีนี้เบื้องต้นแล้ว มีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดและแจ้งข้อหาแล้ว แต่ที่สังคมสงสัยคือทำไมลุงเปี๊ยกถึงรับสารภาพและยังรับตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิดก็ชัดเจน ทำไมตำรวจถึงไม่เจอ แต่สื่อมวลชนกลับไปเจอเอง มีการจัดฉากหรือไม่ จึงได้สั่งชุดสืบสวนให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตอนบ่ายจะลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามคดีนี้ด้วยตนเอง หากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการ และคดีนี้เป็นการฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด และจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ ยืนยันจะไม่มีการปกป้องตำรวจที่กระทำความผิด ตำรวจที่ผิดก็ต้องถูกลงโทษหนักกว่าประชาชนธรรมดา เนื้อไหนร้ายต้องตัดทิ้งออกไป จะไปปิดบังไม่ได้


ส่วนข้อสงสัยว่ามีการแก้ไขอายุเด็กให้ลดลงกว่าความเป็นจริง เพื่อให้รับโทษน้อยลงหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของหลายหน่วยงานที่จะต้องร่วมกันปรึกษาหารือและตรวจสอบ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในตอนนี้ แต่ยืนยันจะดำเนินการด้วยความตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ส่วนลุงเปี๊ยกหากยังอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ก็จะให้ตำรวจไปตามตัวลุงเปี๊ยกเข้ามาพบตนเอง ก็จะให้ พม.จังหวัด เข้าไปดูแลลุงเปี๊ยก ยืนยันลุงเปี๊ยกจะไม่ต้องอยู่ในเซฟเฮ้าส์แน่นอน แต่หากถามว่าตอนนี้ลุงเปี๊ยกอยู่ที่ไหน หรือตำรวจคุมอยู่หรือไม่ ตนเองก็ไม่ทราบเช่นกัน

ต่อมานายกัณฐัศว์ โทรศัพท์ ไปหา พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก.สภ.อรัญประเทศ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี ได้ความว่า ขณะนี้ลุงเปี๊ยกอยู่ในความดูแลของญาติที่คลองน้ำใส โดยไม่มีตำรวจอยู่ดูแล แต่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเหตุใดจึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาและทำให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ซึ่งไทม์ไลน์การเกิดเหตุ ตำรวจรับแจ้งเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลุงเปี๊ยกเป็นผู้พาตำรวจไปชี้จุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพบว่ามีคราบเลือดบนขากางเกงของลุงเปี๊ยก แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดของใคร กองพิสูจน์จึงต้องส่งตรวจดีเอ็นเอ

แต่เมื่อแพทย์ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพ พบว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-12 ชั่วโมง เท่ากับว่าเสียชีวิตราววันที่ 11 ม.ค.และเมื่อไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด ก็ไม่พบว่าลุงเปี๊ยกอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น จึงย้อนภาพไปในวันที่ 10 ม.ค.พบว่าเหตุการณ์เป็นคนละเรื่อง คือกลุ่มเยาวชนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง ซึ่งขณะนั้นตำรวจได้ขออำนาจศาลฝากขังลุงเปี๊ยกไปแล้ว จึงต้องรีบทำเรื่องปล่อยตัว และเร่งนำตัวเยาวชน 5 คนมาสอบปากคำพร้อมยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หลังการปล่อยตัวลุงเปี๊ยก วานนี้ก็ได้สอบปากคำเด็กร่วมกับสหวิชาชีพ ก่อนนำตัวไปขอหมายขังที่ศาลเด็กและเยาวชนและสั่งค้านประกันตัว แต่วานนี้มีผู้โทรศัพท์สอบถามเข้ามาเยอะมากทำให้ตนไม่ได้รับสายใคร ทั้งยังไปร่วมงานศพป้าบัวผันเอง ยืนยันว่าตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดและตัวผู้ต้องหาก่อนจะเป็นข่าว แต่พอมีสื่อช่องหนึ่งปั่นกระแสว่าเป็นการปกป้องลูกตำรวจนั้น ตนยังไม่ทราบเลยว่าผู้ต้องหาเป็นลูกตำรวจด้วย

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่สงสัยว่ามีใครวางบทให้ลุงเปี๊ยกพูดหรือไม่ เพราะคนในพื้นที่ต่างพูดเหมือนกันว่าลุงเปี๊ยกมักเมาสุราและเคยทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเองจริง แต่พอตำรวจซักถาม เจ้าตัวอาจรู้สึกกดดันและให้การวกไปวนมาจนยอมรับสารภาพเองในขณะนั้น แต่ไม่มีใครไปชี้นำให้เจ้าตัวพูด ไม่เกี่ยวข้องว่าพ่อของผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ และแม้จะเป็นเช่นนั้นก็จะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา. 413.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์-ผลประชุม GBC กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]