กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – 24 ชั่วโมงระทึก สืบนครบาลร่วม PCT 5 ไล่ล่า “ใหม่ 29 ยอด” ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ช่วยเหยื่อสาว 2 ราย ก่อนถูกหลอกส่งไปข่มขืนที่ประเทศเพื่อนบ้าน
จากกรณีหญิงไทยถูกขบวนการนรกหลอกผ่านโลกออนไลน์ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าอยากกลับบ้าน ต้องโดนบังคับขืนใจ 25 ครั้ง เพื่อแลกกับอิสรภาพ จึงสามารถกลับมายังประเทศไทยได้ ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จัดชุดสืบสวนจนพบตัวการสำคัญคือ “นายใหม่ 29 ยอด (คงกระพัน)” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้ามนุษย์ และเป็นถึงระดับคนสนิทของ “อาเหลียง” หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน โดยนายใหม่มีภารกิจประจำการอยู่ที่เมืองไทย คอยเฟ้นหาคนตกงานเพื่อพาส่งออกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่หากเหยื่อเป็นสาวหน้าตาดีบางรายก็ถูกส่งไปบำเรอกาม ล่าสุดยังวนเวียนอยู่ในพื้นที่นครบาล จนสายข่าวพบว่ากำลังลวงเหยื่อสาว 2 ราย ถูกบังคับให้เสพยาเสพติดและกำลังจะส่งเหยื่อทั้งสองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน Mission 24 ชั่วโมงจึงเกิดขึ้น จนท้ายสุด พล.ต.ต.ธีรเดช สามารถจับกุมตัวได้ และช่วยเหลือหญิงสาวทั้งสองรายได้อย่างหวุดหวิด
ผู้ต้องหา คือ นายนภดล ฉายา “ใหม่ 29 ยอด” อายุ 36 ปี ภูมิลำเนา ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1403/2566 ลงวันที่ 28 ธ.ค. 66 โดยกล่าวว่า “ร่วมกันค้ามนุษย์โดยบังคับใช้แรงงาน, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายผู้อื่น, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” และ ““มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สามารถทำการตรวจยึด
1.ปืนแบลงค์กัน ยี่ห้อ sig sauer p365 (ปืนแปลง) ขนาด .380 acp จำนวน 1 กระบอก
2.กระสุนปืนขนาด .380 acp บรรจุภายในแมกกาซีนแบลงค์กันจำนวน 8 นัด , 7 นัด และ แมกกาซีนแบลงค์กัน (แมกกาซีนแปลง) จำนวน 2 อัน
3.ยาเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) จำนวน 8 ซอง
4.อุปกรณ์ในการเสพ
พบประวัติเคยถูกจับกุมในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์” เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 65 พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี บกุมตัวได้ที่ คอนโดชื่อดังย่านลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ หญิงสาวผู้เสียหาย แจ้งกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ว่าต้องโดนข่มขืน 25 คน ถึงจะกลับบ้านได้ หลังจากเธอถูกขบวนการค้ามนุษย์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไปตกนรกอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านราว 1 เดือน ก่อนจะหนีกลับมายังประเทศไทยได้อย่างหวุดหวิด และเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่นำมาสู่การสืบสวนสาวไส้ขบวนการนี้ โดยขบวนการนรกนี้เรียกได้ว่าเป็นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์อย่างครบวงจร โดยมีบอสใหญ่ชาวไต้หวันชื่อว่า “อาเหลียง” ผู้เป็นหัวหน้าขบวนการ ซึ่งมีออฟฟิศของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 8 ตึก อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และได้ส่งคนไทยที่เป็นคนสนิทคือ “นายใหม่” มาฝังตัวอยู่ในประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายหาคน โดยหาจากในกลุ่มหางานตาม Tiktok Facebook ก่อนแชทสนทนาไปเจรจาเพื่อเฟ้นหา ผู้ที่เหมาะสม และจะไปรับและส่งพาข้ามประเทศไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของอาเหลียงในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ที่เลวร้ายคือ หากเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดี จะถูกส่งไปเป็นนางบำเรอ
เหยื่อรายล่าสุดให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองได้ถูกข่มขืนไปกว่า 25 ครั้ง จึงจะสามารถหนีกลับประเทศมาได้ และยังให้ข้อมูลอีกว่าปัจจุบัน นายใหม่ยังคงหลบซ่อนตัวและวนเวียนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ คอยส่งคนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอยู่เช่นเดิม พล.ต.ต.ธีรเดช สืบสวนจนทราบว่าคือ นายนภดล หรือใหม่ 29 ยอด ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับในคดีค้ามนุษย์ฯ และได้ข้อมูลจากสายข่าวรายงานว่าพบเห็น นายนภดล พาหญิงสาวหน้าตาดีซึ่งน่าจะเป็นเหยื่อกว่า 2 ราย อยู่ละแวกลาดพร้าววังหินและมีการบังคับให้เธอทั้งสองเสพยาเสพติด ก่อนจะเตรียมส่งเหยื่อไปตกนรกที่ประเทศเพื่อนบ้าน สถานการณ์บีบคั้นด้วยเวลาหากปล่อยถึงรุ่งสางจะต้องมีเหยื่อหญิงสาวถูกส่งไปตกนรกอีก 2 ราย กลางดึกของวันที่ 13 ม.ค. 66 หลังได้ทราบการข่าว พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งชุดสืบมือพระกาฬลงพื้นที่โดยเร่งด่วน โดยมีโจทย์เดียวคือ “ต้องหาให้เจอก่อนเช้า” เรียกได้ว่าเป็น Mission Impossible 3 ชั่วโมงนรกของชุดสืบสวน กระทั่งสามารถจับกุม นายนภดล และสามารถช่วยเหลือหญิงสาว 2 ราย ที่กำลังจะถูกส่งไปเป็นนางบำเรอกามในประเทศเพื่อนบ้าน รอดพ้นขุมนรกอย่างหวุดหวิด จากการตรวจค้นห้องพักของนายนภดล พบอาวุธปืนแบลงค์กันแปลง (ไทยประดิษฐ์) สีดำ 1 กระบอก พร้อมกระสุน 30 นัด และยาไอซ์ จำนวน 8 ซอง
ในชั้นจับกุม นายนภดล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบการศึกษาระดับ ปวช. ใน จ.กรุงเทพฯ แต่มีพื้นเพเดิมเป็นคน จ.เชียงใหม่ โดยที่ชีวิตเริ่มหักเหเกิดจากที่ ราวปี 2560 ตนเองได้เห็นแฟนสาวมีเพศสัมพันธ์กับพ่อเลี้ยงของตนเอง จึงทำให้กลายเป็นคนสติแตกและพยายามผูกคอตาย แต่ก็รอดมาราวกับปาฏิหาริย์ เพราะมีโจรมาขโมยมะม่วงที่ต้นไม้ที่ผูกคอพอดี หลังจากนั้นจึงเริ่มเดินสายเดินทางไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเวลากว่า 3 ปี ซึ่งเคยทำงานมาในแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาแล้วว่า 6 แห่ง ในพื้นที่ จ.สีหนุวิล, จ.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยเคยหลอกลวงมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสายที่ 1 หลอกว่ามีพัสดุ หรือหลอกให้หลงรักแล้วให้เทรดบิตคอยน์ โดยตนเองทำมาหมดเกือบทุกอย่างแล้ว และมีครั้งหนึ่งที่ได้เงินมากที่สุดคือหลอกให้หญิงคนหนึ่งหลงรัก ซึ่งรอบนั้นหลอกได้เงินจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งท้ายสุดก็ได้ไปเจอกับอาเหลียง บอสใหญ่และได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาอยู่ในประเทศไทย คอยหาคนพาข้ามไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ โดยตนเองจะมีหน้าที่หาคนรวมไปถึงพาไปส่งที่บริเวณชายแดนปอยเปต และหลังจากนั้นบอสก็จะส่งคนมารับพาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้ค่าจ้างจากบอสหัวละ 5,000 บาท ส่วนยาเสพติดในห้องนั้นตนเองมีไว้เพื่อขายให้กับชาวจีนที่มาเที่ยวในประเทศไทย ส่วนปืนนั้นมีไว้ป้องกันตัวเองเพราะกลัวอาเหลียงจะมาเอาชีวิตเพราะได้เบี้ยวงานในห้วงหลังๆที่ผ่านมา” หลังจับกุมตัว ได้นำตัว นายนภดล ส่งตัวและนำของกลางที่ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากพยานหลักฐานนั้นมัดแน่นว่าคือหนึ่งในตัวการสำคัญของขบวนการ ที่หลอกลวงให้เหยื่อข้ามไปตกนรกอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และยังพบความเชื่อมโยงถึงหัวหน้าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ และยังสืบสวนทราบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ลาดพร้าว จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าการหางานที่ต่างประเทศนั้นต้องตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งมีหน่วยงานทางราชการที่สามารถให้ข้อมูลได้อยู่แล้ว อย่าได้ไปริหาตามโลกโซเชียลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญถึงความเป็นความตายในชีวิตของท่าน และหากพบเห็นที่เข้าข่ายลักษณะขบวนการนี้สามารถติดต่อให้เบาะแสทาง เฟซบุ๊กเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง “แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที” ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.” .-414 – สำนักข่าวไทย