ป้าร้อง “สายไหมต้องรอด” ถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบทำร้ายร่างกาย

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – นางทวีพร อายุ 56 ปี เข้าร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบทำร้ายร่างกาย


โดยนางทวีพร หรือป้าจุก อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ตนเองกู้เงินมาช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จำนวน 4,000 บาท ได้เงินจริง 3,400 บาท แต่ความจริงเป็นหนี้ 5,000 บาท เพราะมีค่าดอกเบี้ย 800 บาท ค่าเอกสารอีก 200 บาท ป้าต้องส่งวันละ 200 บาท เป็นเวลา 24 วัน รวมเป็นเงิน 4,800 บาท ป้าส่งมาได้ 14 วัน เป็นเงิน 2,800 บาท จากนั้นป้าล้มป่วย จึงขาดส่ง 1 วัน เจ้าหนี้จึงให้ล้มเงิน แล้วเริ่มส่งใหม่ เป็นวันละ 200 บาท อีก 24 วัน เป็นเงิน 4,800 บาท โดยไม่รวมกับเงินเก่าที่จ่ายไปแล้ว 14 วัน หลังจากนั้นป้าจ่ายเงินอีก 14 วัน เป็นเงิน 2,400 บาท และติดหนี้อีก 2,400 บาท แต่ป้าก็ได้มีการขาดส่งเนื่องจากป่วยเป็นกระดูกทับเส้นจึงทำให้ทำงานไม่ไหวและหารายได้ส่งเงินไม่ทัน

กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ป้าได้มีการพูดคุยกับเรื่องการขอผ่อนจ่ายกับนายตี๋ ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าหนี้ จนเป็นที่ตกลงกันทั้งสองฝ่าย จากนั้นป้าก็ปั่นจักรยานออกไปซื้อของที่ตลาด ซึ่งในระหว่างที่ป้ากำลังปั่นจักรยานกลับมาบ้านนั้น ได้บังเอิญเจอเข้ากับนายตี๋ จู่ ๆ นายตี๋ ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาชนป้าจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งป้าก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางขุนเทียนไว้แล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า


ต่อมาช่วงเช้าวานนี้ (10 ม.ค.) ป้าก็ได้ปั่นจักรยานเพื่อที่จะไปซื้อของที่ตลาดเหมือนทุกวัน และบังเอิญเจอเข้ากับนายตี๋ อีกครั้ง ก็ได้เดินเข้ามาถามป้าว่า จะเริ่มผ่อนจ่ายเงินที่ค้างอีก 2,400 บาท เมื่อไหร่ ป้าจึงตอบกลับไปว่า แล้วที่ขี่รถจักรยานยนต์มาชนป้าจะชดใช้ยังไง ทำให้นายตี๋ ไม่พอใจ ใช้มือตบเข้าไปที่หน้าของป้า 2 ครั้ง และใช้หมวกกันน็อคฟาดไปที่ใบหน้าป้าอีก 3 ครั้ง ทำให้เป็นแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ เย็บ 8 เข็ม และตาขวาเขียวช้ำบวม ซึ่งป้าก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางขุนเทียน แต่กังวลว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้าเหมือนเดิม และกลัวว่านายตี๋ จะกลับมาทำร้ายตนและลูกหลาน จึงเดินทางมาให้เพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ

ทางด้านนายเอกภพ เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า คุณป้าเดินทางมาจากบางขุนเทียน ซึ่งตนเองมองว่าเป็นเคสที่หน้าเห็นใจ เพราะคุณป้าก็ได้ลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบที่สำนักงานเขตจอมทอง ซึ่งเป็นนโยบายของภาครัฐไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากฝากไปถามถึงรัฐบาลว่า ตั้งแต่ออกนโยบายนี้มา สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ รวมทั้งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดเป็นแค่ความฝัน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ควรจะดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกหนี้นอกระบบ และช่วงบ่ายวันนี้ทีมงานเพจสายไหมต้อวรอด จะพาคุณป้า ไปทวงถามความคืบหน้าคดีที่ สน.บางขุนเทียน อีกครั้ง. -414-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]