“อนาวิน” รับยิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ขอทำบุญให้

กทม. 20 ธ.ค.-ผบ.ตร.สอบ “อนาวิน” มือยิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” รับสารภาพ บอกขอทำบุญให้ผู้เสียชีวิต คดีนี้ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยผลการจับกุมนายอนาวิน หรือ อั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, ร่วมสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้” พร้อมกับนายกฤติ หรือ ทิว อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา “ร่วมสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (ซ่องโจร)”


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นายกฤติ ยังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนนายอนาวิน หรือ อั้ม ผู้ก่อเหตุยิง รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับขอตำรวจว่า อยากจะทำบุญให้กับผู้เสียชีวิตด้วย

“นายอนาวิน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่า เริ่มออกมองหาเป้าหมาย ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.66 เวลา 22.00 น. แล้วไปขโมยแผ่นป้ายทะเบียนที่ละแวกเขตดินแดง จากนั้นได้เริ่มหาเป้าหมาย โดยเริ่มจากละแวกร่มเกล้า แต่ไม่เจอ จึงไปจอดแอบกบดานละแวกคลอง 14 อยู่สักครู่ จากนั้นช่วงเช้าตรู่ได้เริ่มขับมาตระเวนหาเป้าหมายในเมือง จนกระทั่งเจอกลุ่มนักศึกษาอุเทนถวาย จึงลงมือก่อเหตุ”


นายอนาวิน ให้การว่า “ยิงปืนนัดแรก กระสุนพลาดเป้าไปโดนคนด้านหลัง ซึ่งก็คือ ครูเจี๊ยบ จากนั้นได้ยิงซ้ำที่คอและศีรษะ หลังจากนั้นได้หลบหนีไปทาง จ.พระนครศรีอยุธยา พ่นเปลี่ยนสีรถและทำลายรถ แล้วหลบหนีต่อไปที่ จ.อุบลราชธานี ก่อนจะขึ้นไปเชียงใหม่ และถูกจับที่บริเวณลานกางเต็นท์ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากถึงกลุ่มนักศึกษาที่มีพฤติกรรมเกาะกลุ่มเพื่อก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้ด้วยว่า เวลาที่ถูกดำเนินคดี ไม่มีรุ่นพี่คนไหนมาช่วยเหลือ แต่ต้องช่วยเหลือตัวเอง การรับสารภาพหรือให้ความร่วมมือกับตำรวจ เพื่อให้หนักเป็นเบา ดังนั้น ในช่วงวัยรุ่น ช่วงที่วุฒิภาวะต่ำ และถูกชักนำไปแบบนี้ คนที่เสียใจมากที่สุดคือพ่อแม่

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้สอบถามกับนายอนาวิน ด้วยว่า พ่อแม่ยังอยู่หรือไม่ นายอนาวิน บอกว่า ก็ยังอยู่และได้ทราบข่าวแล้ว ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ ตำรวจยังยืนยันว่า กลุ่มก้อนนี้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกเสมือนจริง สร้างเรื่องราวส่งต่อรุ่นน้องให้เกิดความเคียดแค้น จนเกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ผิดๆ และปลูกฝังกันแบบผิดๆ


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุด้วยว่า นายอนาวิน ยังไม่มีรอยปั๊มเฟืองที่หัวไหล่ อยู่ระหว่างจะขึ้นระดับสอง หลังการก่อเหตุ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมถึงการขยายผลไปถึงกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

คดีนี้ตำรวจจับได้ทั้งหมด 24 คนแล้ว เหลืออีก 2 คนที่ยังหลบหนี นั่นก็คือ นายเลาะ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์พานายอนาวินไปก่อเหตุ ซึ่งนายเลาะ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาเดียวกันกับนายอนาวิน ข้อหาหนักคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่อีกคนคือ นายรัชวุฒิ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีซ่องโจร ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามอย่างใกล้ชิด

“งานนี้ใช้หลายหน่วยงานมาก ทั้งพิสูจน์หลักฐาน ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนามากที่สุด เพื่อทำลายเครือข่าย เพราะคนพวกนี้มีทีมทนายที่จะต่อสู้คดี หมายความว่า พยานหลักฐานตำรวจต้องแน่นหนาจริงๆ เราอยากทำแบบมืออาชีพ ให้ประชาชนวางใจตำรวจ”

ส่วนข้อมูลมาจากครอบครัวผู้เสียชีวิตที่พบพฤติกรรมของอีกฝ่ายโพสต์รูปภาพในลักษณะข่มขู่ เช่น โพสต์อาวุธปืน ตำรวจยืนยันว่าจะขยายผลต่อ พร้อมกำชับให้ตำรวจสืบสวนขยายผลไปดูพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักศึกษา และคดีเก่าของคู่กรณีด้วย จะต้องทำลายจอมปลวก ไม่ได้เอาแค่ปลวกที่มันบินออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ

นอกจากนี้ยังระบุถึงมาตรการแก้ไขปัญหาในอนาคตว่า จะต้องพูดคุยกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่กำกับดูแลสถานศึกษา ทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุและคู่กรณีจะต้องร่วมกันพูดคุยเรื่องนโยบายป้องกันการเกิดเหตุ ดีกว่ามาตามจับผู้ก่อเหตุหลังก่อเหตุอาชญากรรม

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ในคดีนี้มีบางคนยังมีสถานภาพเป็นนักศึกษา ดังนั้น การแก้ปัญหาและทำลายวัฒนธรรมองค์กรที่ผิดๆ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน แต่ก็ยอมรับว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นมานาน ในเมื่อมันเกิดขึ้นมานานแล้วยังดำรงอยู่ แปลว่าเราอาจจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เราทำลายเครือข่ายแล้ว แต่วัฒนธรรมองค์กรยังอยู่ ทางออกอาจจะต้องมองถึงความเป็นไปได้เรื่องการย้ายที่ตั้งสถาบัน ต้องไม่อยู่ในที่ชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน แต่เรื่องนี้ในระยะยาว หลายหน่วยงานต้องช่วยกัน ไม่ใช่ตำรวจหน่วยเดียว

หลังจากที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชน น.ส.พรพิมล มารดาของนายธนสรณ์ หรือ น้องหยอด ก็ได้เข้ามาขอบคุณที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ เป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวของตน และขอให้ทลายเครือข่ายดังกล่าวให้สิ้นซากไปเสียที

สำหรับผลการปฏิบัติปิดเมืองล่ามือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด จากปฏิบัติการตรวจค้นกวาดล้างทั้ง 3 ครั้ง ออกหมายจับผู้ต้องหา 26 คน จับกุมแล้ว 24 คน ยังหลบหนีอีก 2 คน คือ นายอับดุลเลาะ ดือราแม คนขี่รถจักรยานยนต์พานายอนาวินไปก่อเหตุยิง และนายรัชวุฒิ แก้วสว่าง ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาซ่องโจร ที่ร่วมอยู่ในขบวนการนี้

จากนั้นทางตำรวจได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป เข้าไปในห้องสอบสวน เพื่อให้นายอนาวิน ผู้ต้องหา ทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ครูเจี๊ยบ และน้องหยอด.-415.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]