กรุงเทพฯ 13 ธ.ค. – ผู้เสียหายที่ออกมาแฉพฤติการณ์ตำรวจปทุมธานี 7 นาย รีดเงิน-ขืนใจ แลกเคลียร์คดียาเสพติด ร้องขอการคุ้มครองพยาน หลังมีรถปริศนาขับวนใกล้บ้าน ย้ำจะเอาผิดถึงที่สุด
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาหญิงสาวผู้เสียหาย พร้อมสามี ไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นร้องขอการคุ้มครองพยาน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย หลังพบรถต้องสงสัยขับวนเวียนใกล้บ้านผู้เสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา
เหตุการณ์ที่มีรถปริศนาไปป้วนเปี้ยนใกล้บ้าน ทางผู้เสียหาย เชื่อว่า เป็นเพราะทั้งคู่ยืนยันเดินหน้าเอาผิดตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด ซึ่งต้นเรื่องมาจากเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี 7 นาย ไปจับกุมสามีผู้เสียหายในข้อหาครอบครองยาเสพติด ก่อนรีดเงินกว่า 3 แสนบาท และยังบังคับขืนใจหญิงสาวผู้เสียหายเพื่อแลกกับการเคลียร์คดี จนนำไปสู่การร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด และเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.66) ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจทั้ง 7 นาย ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
แม้ว่าจะมีการย้ายตำรวจที่ถูกกล่าวหาแล้ว แต่ นายเอกภพ มองว่า เป็นการย้ายที่แทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรเลย เพราะสถานที่ที่ให้ไปช่วยราชการอยู่ห่างจากที่เดิมแค่ไม่กี่ก้าว เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงมาก เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และสร้างความเสื่อมเสียให้วงการตำรวจ ควรจะต้องมีการจัดการให้รวดเร็วและเหมาะสม และควรตรวจสอบคดีเก่าที่ตำรวจชุดนี้รับผิดชอบ รวมไปถึงผู้บังคับบัญชาด้วย
นายเอกภพ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการพาผู้เสียหายไปชี้ผู้กระทำผิดเมื่อคืนนี้ ว่าทำไมถึงไม่มีรูปภาพของตำรวจคนที่ข่มขู่พาผู้เสียหายไปกดเงินและข่มขืนที่โรงแรม ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ลงมือก่อเหตุคือคนไหน แต่ก็เชื่อว่าทางตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จะสามารถหาข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก ขณะที่ผู้เสียหาย ย้ำว่า จะเอาผิดถึงที่สุด
ด้าน พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยืนยันว่า สังคมจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเรื่องนี้ พร้อมย้ำ รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น หากตำรวจผิดจริง ต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญมาก .-สำนักข่าวไทย