กรุงเทพฯ 24 พ.ย.-ผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ยืนยันไม่เกี่ยวข้ององค์กรอาชญากรรมขนาดเล็กใช้ชื่อสถาบันแอบอ้างก่อเหตุยิง “น้องหยอด-ครูเจี๊ยบ” เสียชีวิต พร้อมเตรียมแจ้งความดำเนินคดีฐานใช้ชื่อสถาบันสร้างความเสื่อมเสีย
คณะผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตั้งโต๊ะแถลงเปิดใจ หลังมีกลุ่มคนนำโลโก้สถาบัน และชื่อสถาบันไปตั้งเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก และก่อเหตุยิงนักศึกษาสถาบันข้างเคียงเสียชีวิตพร้อมครูเจี๊ยบ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาคอมพิวเตอร์จากโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยนายเสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องหยอดและครูเจี๊ยบ ระบุไม่สบายใจที่มีกลุ่มคนนำชื่อสถาบันไปกระทำการในลักษณะดังกล่าว ซึ่งทำให้สถาบันซึ่งเป็นสถานศึกษาเก่าแก่อายุกว่า 91 ปี เสียชื่อเสียง
นายเสถียร ยืนยันว่า สถาบันไม่มีแนวนโยบาย รวมถึงไม่เคยส่งเสริมให้ศิษย์ของวิทยาลัย กระทำการในลักษณะดังกล่าว มีแต่ส่งเสริมนักศึกษาให้เรียนหนังสือและส่งเสริมให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนไม่เคยส่งเสริมให้นักศึกษารวมกลุ่มกันตั้งองค์กรอย่างที่เป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่มีบุคลากรของสถาบันไปให้การช่วยเหลือ หรือส่งเสริม หรือให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันเพราะบุคลากรของสถาบันหากจะไปให้การช่วยเหลือในทางกฎหมาย หรือกระทำการใดจะต้องขออนุญาตจากอธิการบดีเท่านั้น ซึ่งหากใครฝ่าฝืนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องได้รับบทลงโทษตามกฎระเบียบของสถาบัน
ด้านนายวีนัส ทัดเทียม รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ยืนยันว่า กลุ่มผู้ต้องหาในคดีน้องหยอดและครูเจี๊ยบ ทั้ง 8 คนที่จับกุมก่อนหน้านี้ เป็นบุคคลที่พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม ส่วนอีก 1 คน รอรายชื่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ที่ผ่านมาพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆ จำนวน 140 คน ตนได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ ยืนยันสถาบันขอปฏิเสธทุกการกระทำของกลุ่มดังกล่าว
ส่วนรายชื่ออีก 84 คน ที่อยู่ภายในกลุ่มแก๊ง “เสรีชนคนปทุมวัน” ที่มีการบูชารูปอดีตนักศึกษาปทุมวันที่เสียชีวิต ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายชื่อมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ายังคงมีสภาพเป็นนักศึกษาหรือไม่ หากได้รายชื่อดังกล่าวมาแล้วก็จะทำการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบมีความผิดเกี่ยวข้องกับองค์กรดังกล่าวก็ต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ ผู้บริหารของสถาบันยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วทางสถาบันไม่อนุญาตให้มีการรับน้อง ซึ่งหากฝ่าฝืนก็ต้องได้รับบทลงโทษตามขั้นตอนคือ พักการเรียน 1 ภาคการศึกษา และไม่อนุญาตให้นักศึกษาเข้ามาทำกิจกรรมภายในสถาบันหลังสามทุ่ม ส่วนกรณีที่มีภาพการทำกิจกรรมรับน้องตอนกลางคืนบนดาดฟ้าของสถาบันจึงไม่เป็นความจริง แต่หากแอบไปกระทำกันที่อื่นเป็นเรื่องของนอกสถาบันซึ่งวิทยาลัยไม่มีทางก้าวก่ายได้
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมีการปั๊มสัญลักษณ์ฟันเฟืองบนร่างกายของผู้ต้องหา 4 ราย จะเกี่ยวข้องกับสถาบันหรือไม่ ผู้บริหารของสถาบันยืนยันว่า สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นดอกบัวไม่ใช่ฟันเฟือง แต่ฟันเฟืองคือสัญลักษณ์ของวิศวะ ดังนั้นทุกสถาบันจึงใช้สัญลักษณ์เดียวกันคือฟันเฟือง ส่วนมาตรการป้องกันในการก่อเหตุในลักษณะนี้ขณะนี้ทางสถาบันทั้งปทุมวันและอุเทนถวายได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมีการตรวจสอบนักศึกษาโดยแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงป้องกันปัญหาในอนาคตโดยมีการตั้งกลุ่ม LINE ระหว่างสองสถาบันร่วมกัน
ส่วนมาตรการป้องกันของทางสถาบันเองขณะนี้ทุกช่วงเย็นหลังเลิกเรียนแล้วจะมีอาจารย์ไปส่งนักศึกษาด้านหน้าสถาบัน และส่งให้ขึ้นรถและกลับบ้านโดยเร็วโดยแจ้งผู้ปกครองผ่านกลุ่ม LINE ว่าส่ง ณ จุดไหนเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถรอรับ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในท้องที่รับช่วงต่อหลังนักเรียนออกจากสถาบันไปแล้ว นอกจากนี้ผู้บริหารของสถาบันยังตัดพ้อต่อสื่อมวลชนว่า ข่าวในแง่ดีของสถาบัน เช่น นักศึกษาวิศวกรรมชนะแข่งวิศวกรรม หรือผลิตหุ่นยนต์ได้รางวัลชนะเลิศกลับไม่เป็นข่าว แต่เมื่อมีเรื่องเพียงเล็กน้อย กลับโด่งดังไปทั้งประเทศ
ผู้บริหารของสถาบัน ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้จะให้ฝ่ายนิติกรของสถาบันเข้าไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่แอบอ้างชื่อของสถาบันทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุ และแอบอ้างชื่อของสถาบัน เชื่อหากตำรวจใช้มาตรการเด็ดขาดกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน คดีในลักษณะนี้จะลดลงและหมดไปในที่สุด แต่หากทำคดีแบบไฟไหม้ฟาง นี่ก็ไม่ใช่เคสสุดท้าย. -สำนักข่าวไทย