กองปราบฯ ลงพื้นที่สางคดี “ปลัดกล้า” ขับรถตกน้ำเสียชีวิตปริศนา

ฉะเชิงเทรา 22 พ.ย. – กองปราบฯ เร่งสางคดี “ปลัดกล้า” ขับรถตกน้ำเสียชีวิตปริศนา ยังคาใจอุบัติเหตุ หรือจัดฉากฆาตกรรมอำพราง


จากคดีเสียชีวิตปริศนาของ นายคมสัน สุรณัฐกุล หรือ ปลัดกล้า อายุ 47 ปี ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ขับรถตกฝายน้ำล้น ถ.สายนายาว-เขาฉกรรจ์ บ้านเกาะรัง หมู่ 10 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เสียชีวิต ตรวจสอบร่างกายพบบาดแผลฉกรรจ์ ขณะที่ จ.อ.เกริกชัย โพธิ์ทอง ปลัดอำเภอสนามชัยเขต อีกคนที่นั่งโดยสารมาด้วยกันรอดชีวิต จากการใช้ปืนยิงกระจกเพื่อหนีออกมาขณะรถจมน้ำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ต่อมาผลการชันสูตรพลิกศพนายคมสัน ระบุว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเนื่องจากจมน้ำ ส่วนผลการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอยู่ระหว่างรอผลการดำเนินการจากห้องปฏิบัติการนิติเวช ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 30 วัน จึงจะรู้ผล

วานนี้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป. และคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ป. ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว และตำรวจ สภ.เขาฉกรรจ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุบริเวณริมฝายน้ำล้นอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบและเก็บข้อมูลรายละเอียดทางกายภาพของพื้นที่ดังกล่าวนำไปประกอบแนวทางการสืบสวนสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น


พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถฟันธงหรือชี้ชัดว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นคดีฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ ต้องรอการพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้แน่ชัดก่อน จึงจะสามารถระบุได้ แต่จากข้อมูลพยานหลักฐานที่มีอยู่ ยอมรับว่าพบความผิดปกติหลายอย่าง โดยต้องเร่งตรวจพิสูจน์ทราบให้หายข้อสงสัย ซึ่งการมาเข้าร่วมสืบสวนของตำรวจกองปราบ ก็เพื่อต้องการช่วยสนับสนุนการทำงานของตำรวจท้องที่ โดยเอาความรู้ประสบการณ์จากคดีฆาตกรรมอำพรางหลายๆ คดี อาทิ คดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ วางแผนจัดฉากฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ, คดี ผกก.โจ้, คดีแอม ไซยาไนด์ และอีกหลาย ๆ คดีที่เคยทำมาเป็นแนวทางในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำพยานบุคคล สอบปากคำแพทย์นิติเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากแพทยสภา เพื่อพิสูจน์ทราบบาดแผล รวมไปถึงการตรวจสอบและเก็บข้อมูลหลักฐานจากรถคันที่เกิดเหตุ และวัตถุพยานนิติวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าเร็วๆ นี้คดีจะชัดเจนมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวนั้น แม้ผลชันสูตรจะระบุว่า นายคมสัน เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ จากการจมน้ำ รวมถึงบาดแผลที่บริเวณขมับขวาไม่ได้เกิดจากคมกระสุนก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ หรือเร่งรัดสรุปว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ ไม่ใช่คดีฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ต้องพิสูจน์ทราบ โดยเฉพาะประเด็นร่องรอยบาดแผลฉกรรจ์ที่ขมับขวา และใบหูด้านซ้ายที่ฉีกขาด จำเป็นต้องเร่งพิสูจน์ให้ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่พบนั้นไม่สอดคล้องกับลักษณะการเกิดเหตุและอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับสภาพตัวรถหลังเกิดอุบัติเหตุที่แทบจะไม่มีร่องรอยความเสียหายจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ได้ ประกอบกับสภาพแวดล้อมหรือลักษณะทางกายภาพที่เกิดเหตุเป็นถนนคันกั้นฝายน้ำล้น พื้นผิวดินในน้ำมีลักษณะเป็นดินเลน ไม่มีวัตถุหรือของแข็งใต้น้ำ เช่นเดียวกับไม่มีรั้วขอบทางด้านข้างที่จะเป็นสิ่งกีดขวางทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุนแรงได้ อีกทั้งเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนชุมชนมีน้ำไหลผ่านจึงไม่สามารถใช้ความเร็วได้เหมือนถนนปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้บาดแผลทั้งสองแห่งจะไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตโดยตรง แต่ก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจส่งผลทำให้ผู้ตายจมน้ำเสียชีวิตได้ ซึ่งหลังจากนี้เมื่อผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดจากห้องปฏิบัติการนิติเวช รพ.ตำรวจ ออกอย่างเป็นทางการแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวจะเร่งประสานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาสอบปากคำเพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่าบาดแผลดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และเป็นแผลที่ถูกทำให้เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุโดยตรง ทั้งนี้เพื่อที่จะได้สามารถกำหนดทิศทางในการคลี่คลายปริศนาทางคดีว่าเป็นคดีอุบัติเหตุหรือคดีฆาตกรรมอำพราง


นอกจากนี้ยังมีข้อพิรุธทางคดีหลายอย่างที่ต้องพิสูจน์ทราบ โดยเฉพาะประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับคำให้การของ จ.อ.เกริกชัย ผู้รอดชีวิต ที่เคยให้การกับพนักงานสอบสวน สภ.เขาฉกรรจ์ ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปนั่งดื่มเบียร์กับผู้ตายและผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งที่บ้านพักของผู้ใหญ่คนดังกล่าว ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก โดยนั่งดื่ม 3 คน รวมกัน 9 ขวด จากนั้นประมาณ 21.00 น. จ.อ.เกริกชัย กับผู้ตายจึงขอตัวกลับ โดยมีผู้ตายเป็นคนขับ แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดเสียหลักพุ่งตกน้ำ จ.อ.เกริกชัย จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงกระจกจนแตกแล้วมุดหนีเอาตัวรอดออกมาจากตัวรถ แต่จังหวะนั้นผู้ตายหนีไม่ทันติดอยู่ในรถจึงเสียชีวิตดังกล่าว ส่วน จ.อ.เกริกชัย หลังขึ้นมาจากน้ำได้ก็รีบว่ายเข้าฝั่งแล้วไปนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ จนกระทั่งมีคนผ่านมาพบและเข้าให้การช่วยเหลือในรุ่งเช้าอีกวัน

จากคำให้การดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่า มีความย้อนแย้งอยู่ในตัว เพราะหาก จ.อ.เกริกชัย มีสติสามารถเอาตัวรอดจากช่วงเวลาวิกฤติขนาดนั้นได้ เหตุใดจึงไม่รีบเดินไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่พักอาศัยห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 300-400 เมตร หลังจากเกิดเหตุในทันที แต่กลับนั่งรอใต้ต้นไม้จนถึงเช้า แม้เจ้าตัวจะอ้างว่ากำลังอยู่ในอาการตกใจ และหวาดกลัวก็ตาม แต่ก็ดูไม่สมเหตุสมผล ส่วนกรณีที่พบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายจำนวน 1 เครื่อง อยู่กับ จ.อ.เกริกชัย นั้น อ้างว่าขณะเกิดเหตุตกใจ จึงรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ใกล้ตัว พร้อมกับอาวุธปืนติดตัวมา ไม่ทันได้ดูว่าเป็นของผู้ตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองยังไม่ปักใจเชื่อ จำเป็นต้องเร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมต่าง ๆ อีกหลายปาก รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเพื่อทราบรายละเอียดเกี่ยวกับไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบความผิดปกติเกี่ยวกับสภาพศพของผู้ตาย เพราะขณะที่ทำการกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากน้ำพบว่า สภาพศพอยู่ในท่าขาเหยียดตรง มือข้างขวากำพระเครื่องไว้จนแน่น ต่างจากสภาพศพของคนขับรถตกน้ำตายทั่วไป ที่มักจะอยู่ในสภาพท่านั่งขับรถ อีกทั้งจากการตรวจสอบอาวุธปืนของผู้รอดชีวิต พบว่ามีการยิงทั้งหมด 4 นัด กระสุนออกจากรังเพลิง 3 นัด ขัดลำกล้อง 1 นัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์รอยวิถีกระสุน

อย่างไรก็ตาม จากข้อพิรุธทางคดีที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป. ลงพื้นที่ไปสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เขาฉกรรจ์ เพราะเป็นคดีละเอียดอ่อน เรื่องราวซับซ้อน รวมถึงหลาย ๆ เหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกับคดีของ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อที่จะได้นำเอาประสบการณ์จากการทำคดีฆาตกรรมอำพรางต่างๆ ที่เคยทำในอดีตมาใช้เป็นแนวทางให้กับตำรวจท้องที่ในการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ถก สมช. ชี้รัฐบาล-กองทัพ ไร้ปัญหา ทำงานเป็นเอกภาพ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.-นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้รัฐบาลกับกองทัพ เคลียร์อำนาจหน้าที่แล้วไร้ปัญหา ย้ำ ทำงานเป็นเอกภาพ รักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ยึดสันติวิธี บอกมอบหน้างานประเมินหากต้องปะทะ ทุกอย่างยังโอเค ยืนยันรัฐบาลทำงานไม่ช้า กำชับ ก.ดีอี ดูเนื้อหาปลุกปั่นหวั่นขยายขัดแย้ง ด้าน ผบ.ทสส. ลั่น กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล แจงประชุมเหล่าทัพไม่เชิญสื่อ ขอทำงานมืออาชีพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปคุยกับทีมกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ และยืนยันว่า ทุกหน่วย ทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี และวันนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ซึ่งวันนี้ ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี […]

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

โคราชพบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19

นครราชสีมา 6 มิ.ย. – จ.นครราชสีมา พบเด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากโควิด-19 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เผยตัวเลขเก็บศพโควิด เดือนนี้ 8 ราย ส่วนยอดติดเชื้อวันที่ 4 มิถุนายน 68 วันเดียวเพิ่ม 2 หมื่นคน นายชัยสิทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 โพสต์ภาพลงในโซเชียล ขณะอาสากู้ภัย “ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ COVID-19 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31” กำลังช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากโรงพยาบาล ไปฌาปนกิจ พร้อมข้อความเตือน “ระวังกันนะครับ ให้ระวังกัน เพราะช่วงนี้ติดเชื้อกันเยอะ คนที่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ไม่เกี่ยงอายุ วันนี้ มีตั้งแต่ไม่กี่ขวบ จนถึงสูงอายุ ทีมงานฮุก 31 บ้านหลังสุดท้าย ทุกๆ เขตรับผิดชอบ เริ่มมีภารกิจถี่ขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. […]

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]