จับเพิ่มอีก 1 แก๊งขอทานชาวจีน

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – จับเพิ่มอีก 1 แก๊งขอทานชาวจีน หน้า รพ.กรุงเทพคริสเตียน อ้างมาเที่ยว ทำเงินหาย มีคนจีนแนะนำให้มานั่งขอทาน ส่วนบาดแผลตามร่างกายได้มาภายหลังจากไปเป็นทหาร


นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ทีมงาน พร้อมตำรวจ สน.บางรัก ติดตามกรณีแก๊งขอทานชาวจีน หลังได้รับเบาะแสเพิ่มเติมที่หน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้สอบถามพูดคุยกับชายขอทานชาวจีนราย ก่อนจะมีพนักงานร้านอาหารจีน ชื่อนายอัง มาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุยชายรายดังกล่าวไม่ค่อยให้ความร่วมมือ พยายามเดินหนีและเอากระเป๋าฟาดผู้สื่อข่าว พร้อมกับบอกให้นักข่าวหยุดบันทึกภาพ และปฏิเสธการเดินทางไป สน.บางรัก เนื่องจากกังวลว่าจะถูกปรับ เพราะถูกจับมาหลายรอบแล้ว โดยใช้เวลาในการพูดคุยเกลี้ยกล่อมอยู่นาน


จากการสอบถามชายรายดังกล่าวมีชื่อว่า เสี่ยวหลง อายุประมาณ 30 ปี อ้างว่าเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้ประมาณ 10 วัน และมานั่งขอทานนี้ได้ 3 วัน สาเหตุที่ต้องมานั่งขอทานเนื่องจากทำเงินหล่นหาย และได้รับคำแนะนำจากชาวจีนว่ามานั่งขอทานแบบนี้ได้ และจะมาแค่ช่วงเย็นๆ ส่วนบาดแผลตามร่างกายได้มาภายหลังจากไปเป็นทหาร ทำให้เกิดบาดแผล รวมถึงแขนพิการด้วย

เมื่อถามว่ามีเพื่อนหรือไม่ และเป็นคนจีนหรือคนไทย นายเสี่ยวหลง อ้างว่ามีเพื่อนเป็นคนไทย ประมาณ 10 คน ทำธุรกิจ ซึ่งเพื่อนจะพาไปกินข้าวทุกวัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจากการมานั่งขอทานทำให้มีเงินเพียงพอจะกลับประเทศแล้วหรือยัง นายเสี่ยวหลงหลีกเลี่ยงที่จะตอบ พร้อมบอกว่าวันนี้ได้เงินประมาณ 40-50 บาท และไม่ตอบว่าตลอด 3 วันที่ผ่านมาได้เงินเท่าไร


ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเอกสารแสดงตัวและการเข้ามายังประเทศไทย นายเสี่ยวหลง เปิดเผยว่า ไม่มีเอกสารติดตัว อยู่ที่ห้องพักย่านเยาวราช แต่มีรูปถ่ายพาสปอร์ตในโทรศัพท์ เมื่อผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูเอกสาร นายเสี่ยวหลงอ้างว่าโทรศัพท์เสีย ไม่สามารถเปิดให้ดูได้

ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่มายังจุดดังกล่าว และสอบถามว่าทำไมถึงไม่ติดต่อสถานทูตหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อน นายเสี่ยวหลง อ้างว่า ไปมาแล้ว ทางสถานทูตบอกว่าตำรวจกำลังช่วยหา และไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน วันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางกลับประเทศแล้วด้วย ส่วนเรื่องพาสปอร์ต นายเสี่ยวหลง บอกว่ารู้ว่าต้องพกติดตัว แต่เคยโดนขโมย เลยถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์แทน

ทั้งนี้ นายเสี่ยวหลงบอกว่ารู้ว่าการนั่งขอทานผิดกฎหมาย แต่ต้องทำ เพราะไม่มีทางเลือก ยืนยันว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นมาทำ ก่อนที่ต่อมานายเสี่ยวหลงจะอ้างว่าอาศัยอยู่ในประเทศลาว ด้านนายอัง พนักงานร้านอาหาร เปิดเผยว่า ตนเองเห็นนายเสี่ยวหลงมานั่งหลายวันแล้ว เพราะตนเองเดินผ่านแถวนี้ประจำ

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ขยายผลว่าขบวนการดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร เช่น การใช้พาสปอร์ตหรือวีซ่าถูกกฎหมายหรือไม่ การเข้ามาในประเทศไทยเป็นขบวนการและเข้ามาได้อย่างไร หากกลุ่มคนเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มจีนเทา แต่เราต้องการจีนขาวที่เข้ามาในวงการท่องเที่ยวในประเทศไทย การกระทำในลักษณะนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งเราจะให้คนแบบนี้อยู่ในประเทศไทยคงจะไม่ดีนัก และยิ่งกระบวนการดังกล่าว ตนเองเชื่อว่าเขาคงมีความรู้ นอกจากนี้พฤติการณ์ที่เห็นคือตอนที่มีการควบคุมตัว ปรากฏว่ามีคนไปที่สถานีตำรวจทันที โดยจากการสังเกตเขาไม่ได้มีการติดต่อกับใครเลย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะทำแค่คนเดียวแน่นอน

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า หลังจากเข้าร่วมสอบปากคำขอทานชาวจีน จากการพูดคุยยังให้การวกวน ไม่ยอมบอกที่อยู่ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แกล้งทำเป็นโมโห ขว้างโทรศัพท์ลงพื้น จากเดิมบอกว่ารู้ว่าการมาขอทานผิดกฎหมาย พอถามอีกทีบอกว่าเพื่อนแนะนำมาว่าที่นี่ขอได้ จากการตรวจเช็กพาสปอร์ตพบว่าถูกต้อง เดินทางมาจากประเทศลาว แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับประเทศจีน เบื้องต้นมีความผิดในข้อหาเรี่ยไรเงิน ส่วนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารการเดินทาง

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวต่อว่า วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อขยายผลหาตัวคนที่นำพาบุคคลเหล่านี้เข้ามา เพื่อดูว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากคนพวกนี้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ซึ่งคนพวกนี้จะใช้ความน่าสงสารมาขอเรี่ยไรเงินตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก วันนี้ความชัดเจนคือพบว่ามีจำนวนเงินอยู่ส่วนหนึ่งที่เราตรวจพบ ส่วนเอกสารอื่นๆ เขาพยายามจะไม่ให้ และพยายามไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงคนเดียวที่ทำ และรายได้ที่มาจากการเรี่ยไรพบว่ามีเป็นจำนวนมาก รายละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นการหาเงินอีกวิธีหนึ่ งคาดว่าเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าล้านบาท

ด้าน กัน จอมพลัง กล่าวว่า จากการสอบถาม เขาพูดมาว่าพักอยู่ย่านเยาวราช ซึ่งจากข้อมูลที่ได้พบว่าพูดตรงกัน 3 คนที่เจอก่อนหน้านี้ นอกจากคนนี้เรายังมีข้อมูลของคนอื่นๆ เข้ามา ได้พิกัดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากว่าเราไม่เคยรู้เลยว่ามีขอทานคนจีนมาหากินในประเทศไทยแบบนี้ พอมารู้วันนี้ก็เริ่มผุดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราต้องตามหาต่อไปคือคนที่อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้ ทุกคนเวลาเราสอบถามเขาไม่ให้ข้อมูลเลย ยิ่งพยายามปาโทรศัพท์ให้แตก ยิ่งทำให้เราสงสัย ฝากประชาชนที่ติดตามข่าวว่าหลังจากนี้การทำบุญของท่านอาจจะต้องมีสติมากขึ้น ท่านอาจจะต้องตั้งคำถามแล้วว่าคนพวกนี้เขาถูกบังคับมา สมัครใจมา หรือมีคนใช้เขาเป็นเครื่องมือในการหาเงินหรือไม่

ส่วนกรณีที่ สน.ลุมพินี คนนี้เป็นคนที่ 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวมาที่ สน.ลุมพินี จากการตรวจสอบพบว่ามานั่งขอทานครึ่งชั่วโมง ได้เงินไป 900 บาท และเจ้าหน้าที่ขยายผลไปที่บ้านยังพบเงินอีกจำนวนหลายพันบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย