จับเพิ่มอีก 1 แก๊งขอทานชาวจีน

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – จับเพิ่มอีก 1 แก๊งขอทานชาวจีน หน้า รพ.กรุงเทพคริสเตียน อ้างมาเที่ยว ทำเงินหาย มีคนจีนแนะนำให้มานั่งขอทาน ส่วนบาดแผลตามร่างกายได้มาภายหลังจากไปเป็นทหาร


นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ทีมงาน พร้อมตำรวจ สน.บางรัก ติดตามกรณีแก๊งขอทานชาวจีน หลังได้รับเบาะแสเพิ่มเติมที่หน้าโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้สอบถามพูดคุยกับชายขอทานชาวจีนราย ก่อนจะมีพนักงานร้านอาหารจีน ชื่อนายอัง มาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุยชายรายดังกล่าวไม่ค่อยให้ความร่วมมือ พยายามเดินหนีและเอากระเป๋าฟาดผู้สื่อข่าว พร้อมกับบอกให้นักข่าวหยุดบันทึกภาพ และปฏิเสธการเดินทางไป สน.บางรัก เนื่องจากกังวลว่าจะถูกปรับ เพราะถูกจับมาหลายรอบแล้ว โดยใช้เวลาในการพูดคุยเกลี้ยกล่อมอยู่นาน


จากการสอบถามชายรายดังกล่าวมีชื่อว่า เสี่ยวหลง อายุประมาณ 30 ปี อ้างว่าเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้ประมาณ 10 วัน และมานั่งขอทานนี้ได้ 3 วัน สาเหตุที่ต้องมานั่งขอทานเนื่องจากทำเงินหล่นหาย และได้รับคำแนะนำจากชาวจีนว่ามานั่งขอทานแบบนี้ได้ และจะมาแค่ช่วงเย็นๆ ส่วนบาดแผลตามร่างกายได้มาภายหลังจากไปเป็นทหาร ทำให้เกิดบาดแผล รวมถึงแขนพิการด้วย

เมื่อถามว่ามีเพื่อนหรือไม่ และเป็นคนจีนหรือคนไทย นายเสี่ยวหลง อ้างว่ามีเพื่อนเป็นคนไทย ประมาณ 10 คน ทำธุรกิจ ซึ่งเพื่อนจะพาไปกินข้าวทุกวัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจากการมานั่งขอทานทำให้มีเงินเพียงพอจะกลับประเทศแล้วหรือยัง นายเสี่ยวหลงหลีกเลี่ยงที่จะตอบ พร้อมบอกว่าวันนี้ได้เงินประมาณ 40-50 บาท และไม่ตอบว่าตลอด 3 วันที่ผ่านมาได้เงินเท่าไร


ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเอกสารแสดงตัวและการเข้ามายังประเทศไทย นายเสี่ยวหลง เปิดเผยว่า ไม่มีเอกสารติดตัว อยู่ที่ห้องพักย่านเยาวราช แต่มีรูปถ่ายพาสปอร์ตในโทรศัพท์ เมื่อผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูเอกสาร นายเสี่ยวหลงอ้างว่าโทรศัพท์เสีย ไม่สามารถเปิดให้ดูได้

ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่มายังจุดดังกล่าว และสอบถามว่าทำไมถึงไม่ติดต่อสถานทูตหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อน นายเสี่ยวหลง อ้างว่า ไปมาแล้ว ทางสถานทูตบอกว่าตำรวจกำลังช่วยหา และไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน วันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางกลับประเทศแล้วด้วย ส่วนเรื่องพาสปอร์ต นายเสี่ยวหลง บอกว่ารู้ว่าต้องพกติดตัว แต่เคยโดนขโมย เลยถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์แทน

ทั้งนี้ นายเสี่ยวหลงบอกว่ารู้ว่าการนั่งขอทานผิดกฎหมาย แต่ต้องทำ เพราะไม่มีทางเลือก ยืนยันว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นมาทำ ก่อนที่ต่อมานายเสี่ยวหลงจะอ้างว่าอาศัยอยู่ในประเทศลาว ด้านนายอัง พนักงานร้านอาหาร เปิดเผยว่า ตนเองเห็นนายเสี่ยวหลงมานั่งหลายวันแล้ว เพราะตนเองเดินผ่านแถวนี้ประจำ

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ขยายผลว่าขบวนการดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร เช่น การใช้พาสปอร์ตหรือวีซ่าถูกกฎหมายหรือไม่ การเข้ามาในประเทศไทยเป็นขบวนการและเข้ามาได้อย่างไร หากกลุ่มคนเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มจีนเทา แต่เราต้องการจีนขาวที่เข้ามาในวงการท่องเที่ยวในประเทศไทย การกระทำในลักษณะนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งเราจะให้คนแบบนี้อยู่ในประเทศไทยคงจะไม่ดีนัก และยิ่งกระบวนการดังกล่าว ตนเองเชื่อว่าเขาคงมีความรู้ นอกจากนี้พฤติการณ์ที่เห็นคือตอนที่มีการควบคุมตัว ปรากฏว่ามีคนไปที่สถานีตำรวจทันที โดยจากการสังเกตเขาไม่ได้มีการติดต่อกับใครเลย จึงเชื่อว่าไม่น่าจะทำแค่คนเดียวแน่นอน

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า หลังจากเข้าร่วมสอบปากคำขอทานชาวจีน จากการพูดคุยยังให้การวกวน ไม่ยอมบอกที่อยู่ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แกล้งทำเป็นโมโห ขว้างโทรศัพท์ลงพื้น จากเดิมบอกว่ารู้ว่าการมาขอทานผิดกฎหมาย พอถามอีกทีบอกว่าเพื่อนแนะนำมาว่าที่นี่ขอได้ จากการตรวจเช็กพาสปอร์ตพบว่าถูกต้อง เดินทางมาจากประเทศลาว แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับประเทศจีน เบื้องต้นมีความผิดในข้อหาเรี่ยไรเงิน ส่วนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารการเดินทาง

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวต่อว่า วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย เพื่อขยายผลหาตัวคนที่นำพาบุคคลเหล่านี้เข้ามา เพื่อดูว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากคนพวกนี้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ซึ่งคนพวกนี้จะใช้ความน่าสงสารมาขอเรี่ยไรเงินตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก วันนี้ความชัดเจนคือพบว่ามีจำนวนเงินอยู่ส่วนหนึ่งที่เราตรวจพบ ส่วนเอกสารอื่นๆ เขาพยายามจะไม่ให้ และพยายามไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงคนเดียวที่ทำ และรายได้ที่มาจากการเรี่ยไรพบว่ามีเป็นจำนวนมาก รายละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นการหาเงินอีกวิธีหนึ่ งคาดว่าเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าล้านบาท

ด้าน กัน จอมพลัง กล่าวว่า จากการสอบถาม เขาพูดมาว่าพักอยู่ย่านเยาวราช ซึ่งจากข้อมูลที่ได้พบว่าพูดตรงกัน 3 คนที่เจอก่อนหน้านี้ นอกจากคนนี้เรายังมีข้อมูลของคนอื่นๆ เข้ามา ได้พิกัดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากว่าเราไม่เคยรู้เลยว่ามีขอทานคนจีนมาหากินในประเทศไทยแบบนี้ พอมารู้วันนี้ก็เริ่มผุดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราต้องตามหาต่อไปคือคนที่อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้ ทุกคนเวลาเราสอบถามเขาไม่ให้ข้อมูลเลย ยิ่งพยายามปาโทรศัพท์ให้แตก ยิ่งทำให้เราสงสัย ฝากประชาชนที่ติดตามข่าวว่าหลังจากนี้การทำบุญของท่านอาจจะต้องมีสติมากขึ้น ท่านอาจจะต้องตั้งคำถามแล้วว่าคนพวกนี้เขาถูกบังคับมา สมัครใจมา หรือมีคนใช้เขาเป็นเครื่องมือในการหาเงินหรือไม่

ส่วนกรณีที่ สน.ลุมพินี คนนี้เป็นคนที่ 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวมาที่ สน.ลุมพินี จากการตรวจสอบพบว่ามานั่งขอทานครึ่งชั่วโมง ได้เงินไป 900 บาท และเจ้าหน้าที่ขยายผลไปที่บ้านยังพบเงินอีกจำนวนหลายพันบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย