กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – “อัจฉริยะ” แจ้งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องนำเข้าหมูเถื่อน รวม 5 คดี หลังพบหลักฐานเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ร่วมกันนำเข้าหมูเถื่อน จากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ กลุ่มบุคคลเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี รวม 5 คดี
คดีแรกได้ร้องทุกข์เอาผิดกับผู้อำนวยการส่วนควบคุมด่านศุลกากร อดีตนายด่านศุลกากรแหลมฉบัง อดีตรองอธิบดีฝ่ายปราบปราม และอดีตอธิบดีกรมศุลกากรในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยนายอัจฉริยะ ให้ข้อมูลว่าหลังจากที่ตู้คอนเทนเนอร์มาถึงที่ท่าเรือ บริษัทชิปปิ้งได้มีการสำแดงเท็จโดยเปลี่ยนจากเนื้อสุกรเป็นเม็ดพลาสติกหรือพอลิเมอร์ เพื่อลดภาษีการนำเข้า และบริษัทชิปปิ้งได้มีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 4 คน ที่ตนได้มาร้องเรียน โดยเฉพาะผู้อำนวยการส่วนควบคุมด่านศุลกากรได้มีการเรียกสินบนกับบริษัทชิปปิ้งดังกล่าว โดยจะเรียกในราคาประมาณ 360,000 บาทต่อตู้ โดยหลังจากนี้จะต้องไปสืบสวนอีกว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อีก
คดีที่ 2 เป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตอธิบดีกรมประมงกับพวก ร่วมกันสำแดงเท็จจากซากสุกร เป็นหัวปลาแซลมอนเพื่อลดค่าภาษีการนำเข้า อีกทั้งยังได้ใช้เอกสารปลอมในการสำแดงอีกด้วย
คดีที่ 3 เป็นการร้องเรียนอดีตหัวหน้าด่านกักสัตว์ชลบุรี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยทุจริตและเรียกรับสินบนในการช่วยขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนโดยปกติแล้ว ก่อนจะปิดการนำหมูเข้ามาภายในประเทศนั้น บริษัทชิปปิ้งจะต้องแจ้งหัวหน้าด่าน ให้มีการไปตรวจถึงที่มาของหมู ว่ามีคุณภาพมากน้อยเพียงใด หรือปราศจากโรคภัยหรือไม่ ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ได้เวลาค่อนข้างยาวนาน จึงทำให้อดีตหัวหน้าด่านจากการสัตว์ชลบุรีคนนี้ ได้มีการตกลงกับบริษัทชิปปิ้ง ให้จ่ายมาในราคาตู้ละ 30,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ตรวจโรค และนายตรวจปศุสัตว์เรียกรับเงิน 500 บาทต่อตู้
คดีที่ 4 เป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์พญาไท 3 ราย หลังจากมีการนำเข้าตับหมูทั้งสิ้น 3 ตู้ น้ำหนักรวมกัน 75 ตัน และต่อมาพบว่าในตับหมูมีเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียราว 1.5 ตัน ซึ่งโดยตามระเบียบแล้วจะต้องทำลายตับหมูที่นำเข้ามาทั้งหมดทิ้ง แต่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทั้ง 3 รายนั้น กลับทำลายเพียงแค่จุดที่ตรวจพบเชื้อโรคเพียงเท่านั้น ส่วนตับหมูจุดอื่นได้มีการอนุญาตให้ออกไปขายต่อได้
คดีที่ 5 ร้องทุกข์กล่าวโทษ หัวหน้านายด่านกักกันสัตว์ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ได้ร่วมกันลักลอบนำของกลางตีนไก่ 2 ตู้ ไปขายโดยทุจริต โดยทั้งสองคนได้เอาตู้ไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แต่แทนที่จะนำไปตรวจสอบหาเชื้อโรค แต่กลับเอาไปขายให้กับบุคคลอื่น ซึ่งเรื่องนี้ทางการท่าได้มีการทวงถามอยู่ตลอด แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่ได้มีการส่งของกลางกลับไปให้การท่าดำเนินการต่อแต่อย่างใด
นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ทุกคดีมีหลักฐานมากเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐได้ และทั้ง 5 คดีนั้น บุคคลที่ตนมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ให้แยกเป็นคนละคดี นอกจากนี้นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่าวันพรุ่งนี้ ตนและกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI จะมีการร่วมกันบุกค้นบริษัทที่นำเข้าหมูเถื่อนรายใหญ่ ที่สามารถโยงไปถึงนักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังได้อย่างแน่นอน ซึ่งนักการเมืองคนนี้เป็นนักการเมืองที่อยู่พรรคฝั่งรัฐบาล แต่ไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล เป็นเพียงแค่ สส.ในพื้นที่ แต่ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน. -สำนักข่าวไทย