กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – ตัวแทนผู้เสียหาย แจ้งความบริษัทขายตรงชื่อดังใน จ.เชียงใหม่ มีพฤติกรรมฉ้อโกงซื้อใบอนุญาตจดทะเบียนขายตรงจากบริษัทอื่นขายอาหารเสริม แต่กลับชักชวนลงทุนขายฝากโฉนดที่ดิน อสังหาฯ เล่นแชร์ แต่ได้ผลตอบแทนไม่ตรงตามที่ตกลง สูญเงินกว่า 100 ล้านบาท
นางสาวกฤษอนงค์ ประธานศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ (ศคอ.) และองค์การต่อต้านแชร์โซ่ (อตช.) พร้อมผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. เพื่อแจ้งดำเนินคดี กับบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดหลายข้อหา เช่น ข้อหาตาม พ.ร.บ.ขายตรง และตลาดแบบตรง พ.ศ.2545, พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ.2534, ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ฯลฯ ซึ่งล่าสุดปิดบริษัทฯ ไปแล้ว และทำการย้ายแพลตฟอร์ม เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ ทำการหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนฝากขาย โฉนด ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ คอนโด และนำเงินที่ได้มาลงทุนเล่นแชร์ แต่ท้ายสุดไม่ได้ผลตอบแทนตามที่ตกลง และบางรายต้องเสียที่ดิน บ้าน ที่นำมาขายฝาก กับบริษัทดังกล่าว
นางสาวกฤษอนงค์ เปิดเผยว่าช่วงปีที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 18 ราย เสียหายกว่า 100 ล้านบาท ว่าถูกบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชน โดยการซื้อใบอนุญาต จดทะเบียนขายตรงจากบริษัทอื่นที่ จ.นครราชสีมา มาดำเนินธุรกิจขายอาหารเสริมต่อ มีการสร้างภาพว่าธุรกิจเติบโต แต่กลับมาชักชวนลูกค้ามาลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น มีการการรับขายฝาก อสังหาริมทรัพย์ โฉนดที่ดิน คอนโด ฯลฯ ได้ดอกเบี้ย 144% ต่อปี จากนั้นชักชวนให้นำเงินที่ได้จากการขายฝากโฉนดอสังหาริมทรัพย์มาลงทุนเล่นแชร์วงละ 15 มือ โดยมีบริษัทดังกล่าว และทีมงานเป็นเท้าแชร์ และแม่ข่าย 5 คน โดยการดำเนินการในช่วงปีแรกวงแชร์ได้เงินตามปกติ ต่อมามีประกาศปิดแชร์ทั้งหมด เกือบ 1 พันวง ในวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่ได้เงิน แต่ทางบริษัทให้ไปเปิดแพลตฟอร์มใหม่เพื่อต่อวงแชร์ แต่ผู้เสียหายไม่มั่นใจวาจะได้เงินแชร์คืน ซึ่งพฤติกรรมของบริษัทดังกล่าว มีผิด พ.ร.บ.ขายตรงชัดเจน เพราะผิดแผนที่ได้จดทะเบียนกับบริษัทขายตรง ขายอาหารเสริม แต่กลับ มาชักชวนลงทุนฝากขายอสังหาริมทรัพย์ และเล่นแชร์ ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ จึงเป็นตัวแทนมาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทขายตรงดังกล่าว และอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมมาลงโทษ และผู้เสียหาย อยากได้เงินคืน ขณะเดียวกันก็อยากให้หน่วยงานภาครัฐมีการป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน. -สำนักข่าวไทย