ร้อง “ลูก” ถูกแก๊งโจ๋ทำร้าย หลังดักไถเงินแล้วไม่ได้

กทม. 19 พ.ย.- วัยโจ๋ตั้งแก๊งอันธพาล ดักรีดไถเงิน เด็กนักเรียน ครั้งละ 5-10 บาท เมื่อไม่ได้จะทำร้ายร่างกาย ผู้ปกครองสุดทนพาลูกเข้าแจ้งความ ร้องหน่วยงานรัฐเร่งช่วยเหลือดูแลความปลอดภัย หลังโรงเรียนปฏิเสธ บอกไม่มีอำนาจดำเนินการ


เวลา 13.00 น. พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช เดินทางมายัง สน.คลองตัน ร้องเรียนสื่อมวลชน หลังถูกแก๊งเยาวชนอายุระหว่าง 12-15 ปี ประมาณ 4-6 คน ตั้งแก๊งดักรีดไถเงินบุตรหลาน หลังเลิกเรียน เมื่อไม่ได้จะทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดมาแล้วหลายครั้ง ร้องเรียนไปยังสถานศึกษาให้ช่วยดูแลความปลอดภัย กลับถูกปฏิเสธ อ้างเยาวชนที่ก่อเหตุได้ลาออกจากสถานศึกษาไปแล้ว จึงไม่มีอำนาจไปห้ามปราม

นางสาวอรพิน อายุ 41 ปี แม่ของเด็กชายวัย 7 ขวบ และ 10 ขวบ พาลูกชายพร้อมหลานชายอีก 1 คน เข้ามาที่ สน.คลองตัน เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหาก่อเหตุรีดไถเงินเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนางสาวอรพิน เล่าว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกชายคนเล็กวัย 7 ขวบ เล่าให้ตนเองฟังว่า มี รุ่นพี่รวมกลุ่ม นั่งดูดบุหรี่ หน้าปากซอยใกล้กับโรงเรียน ประมาณ 5-7 คน มีมีดและเคียวขนาดใหญ่ เป็นอาวุธ ได้เดินเข้ามาขอตังค์ 5 บาท ขณะที่เดินกลับบ้านพร้อมพี่ชาย แต่ลูกชายบอกว่าไม่มี จึงถูกจับตัวไว้ จากนั้นรุ่นพี่กลุ่มนั้นได้ค้นกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง และได้เงินจากกระเป๋าพี่ชายไปจำนวน 5 บาท หนึ่งในแก๊งรุ่นพี่ จะทำร้ายพี่ชาย ที่บอกว่าไม่มีตังค์ แต่มีหนึ่งในกลุ่มนั้น บอกว่าปล่อยไปยังเด็กอยู่ และโดนแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ที่ผ่านมา เคยร้องเรียนไปยังสถานศึกษา ขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับบุตรหลานรวมถึงเด็กคนอื่นๆ ด้วย แต่ทางโรงเรียนกลับปฏิเสธอ้างว่าเด็กกลุ่มนี้ได้ลาออกจากโรงเรียนไปแล้ว จึงทำอะไรไม่ได้ และยังขอร้องไม่ให้ ตนร้องไปยัง กทม. หวั่นทางกทม.จะเข้ามาตรวจสอบ และกลัวโรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง


แต่หลังจากทราบข่าวว่า นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน วัย 14 ปี ถูกทำร้าย ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงไม่ขอทนอีกต่อไป จำเป็นต้องร้องสื่อมวลชนขอให้เป็นสื่อกลางไปยังหน่วยงานของรัฐ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร รวมถึงตำรวจและกลุ่มชุมชน ช่วยกันเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน โรงเรียนแห่งนี้ด้วย ที่สำคัญ กทม.ควรเข้ามาดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด ในจุดที่ยังคงล่อแหลม เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบหากเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นเดียวกับน้องนักเรียน ม.3 วัย 14 ปี

ด้านนายอานนท์ พี่ชายของนักเรียนชั้น ม. 3 วัย 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ได้พาน้องชาย เข้ามาชี้ตัวผู้ก่อเหตุที่ สน.คลองตัน ก็เปิดใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงเรียนนิดเดียว ในเขตพื้นที่การศึกษาหรือระแวกใกล้เคียง ควรเป็นแหล่งปลอดภัย สำหรับเด็กนักเรียน แต่นี้น้องชายกลับถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นเลือดตกยางออก ขณะนี้รอผลแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ว่าได้รับบาดเจ็บหนักกว่าสภาพที่เห็นหรือไม่

นายอานนท์ระบุว่า เมื่อวันศุกร์หลังเลิกเรียนน้องชาย ได้เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณปากซอย อ่อนนุช 17 แยก 24 กลุ่มเยาวชน ประมาณ 6 คน ซึ่งรวมกลุ่มกันอยู่ในบริเวณนั้น เดินเข้ามาประกบ และถามว่า “ไอ้ดำมึงมีเงิน 10 บาทไหม” น้องชายบอกไม่มี พร้อมเดินหนี แต่กลับถูกตามก่อนรุมทำร้าย โดยกล่าวหาว่าท่าเดินของน้องชายกวนบาทา น้องชายถูกต่อยบริเวณจมูกเลือดกำเดาไหล หน้าผากและกกหู นอกจากนี้ยังโดนเตะเข้าบริเวณด้านหลัง


หลังเกิดเหตุไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม. พร้อมนำภาพลงโพสต์ใน Facebook ปรากฏว่ามีพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ระดับประถมศึกษาอีก 2 คน สอบถามเข้ามา บอกว่าบุตรของตนก็โดนด้วยเช่นกัน

สำหรับคดีนี้ หลังเกิดเหตุ น้องสาวของตนได้พาน้องชายเข้ามาแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน และเช้าวันนี้ได้รับการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนให้มาชี้ตัวผู้ก่อเหตุ ล่าสุดจับได้ทั้งหมด 3 คน เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 12 ปี 1 คน อายุ 15 ปีอีก 2 คน ส่วนอีกคนที่ปรากฏในคลิป ซึ่งเป็นหัวโจกใหญ่อายุ 15 ปีหลบหนีไปได้ และทราบว่าคนนี้คือหัวโจกใหญ่ มีคดีติดตัวเพิ่งถูกปล่อยตัวมาจากสถานพินิจในคดีฟันผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ยืนยันว่าขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะหากปล่อยไว้ เด็กกลุ่มนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กคนอื่นๆ อีก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง