จับผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าโหดชายไต้หวัน

กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – ตำรวจรวบผู้ต้องสงสัย 2 ราย คดีฆ่าชายชาวไต้หวัน มัดมือมัดเท้า หมกโรงแรมย่านอุดมสุข หลังเข้าพักเพียง 2 วัน


ตำรวจ สน.บางนา รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตภายในห้องพักโรงแรมย่านอุดมสุข เขตบางนา จึงเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในโรงแรม ชั้น 6 พบศพ นายชู อายุ 48 ปี ชาวไต้หวัน สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ถูกของแข็งทุบตีที่ใบหน้า ลำคอ ถูกรัดด้วยเทปพลาสติกใส มัดมือมัดเท้าด้วยเข็มขัดและเชือกฟาง นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นข้างเตียง ใกล้กันพบตู้เซฟ 2 ตู้ และภายในห้องมีร่องรอยการต่อสู้สิ่งของกระจายทั่วห้อง จากการสอบถามพนักงานโรงแรม ทราบว่า ผู้ตายเข้ามาพักเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 12.43 น. โดยมาเปิดห้องพักเพียงคนเดียว

ต่อมา พล.ต.ต ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมตำรวจส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำพยานวัตถุของผู้ตายในที่เกิดเหตุ มาทำการตรวจสอบไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา ประกอบด้วย ตู้เซฟของโรงแรม 2 ตู้ คาดว่าภายในน่าจะมีทรัพย์สินสำคัญของผู้ตายอยู่ภายใน เนื่องจากมีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดติดอยู่บริเวณตู้เซฟ 1 ตู้ รวทั้ง กระเป๋าเดินทาง ถังน้ำเปื้อนเลือด กระเป๋าใส่ของ ภายในมีม้วนอลูมิเนียมฟลอยด์สำหรับห่ออาหาร 3 ม้วน เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง


พล.ต.ต. ธีรเดช ระบุว่า การตายของชาวไต้หวันรายนี้ผิดธรรมชาติ มีการจับมัดมือผู้ตายด้วยเทปกาวและนำมือไพล่หลัง แต่สาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดกจากอะไรนั้นต้องรอแพทย์นิติเวชเป็นผู้ให้คำตอบ จากการสืบสวนพบว่ามีชาวต่างชาติผิวสี 2 คน และชายชาวเอเชียยังไม่ทราบเชื้อชาติ 1 คน เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับผู้ตาย และช่วงค่ำวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีหญิงสาวชาวไทย 2 คน เดินทางมาพบกับผู้ตายที่โรงแรมด้วย แต่จะเกี่ยวข้องพัวพันเรื่องอะไร ขณะนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนที่มีกระแสว่าผู้ตายมีส่วนพัวพันกับคดีค้ามนุษย์ และคดีฉ้อโกงในบ้านเกิดนั้น เป็นคดีเก่าที่ได้รับโทษมาแล้ว แต่จะเป็นสาเหตุของการฆาตกรรมหรือไม่ ทางตำรวจไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง

เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (16 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 นำตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 ราย โดย 1 ในนั้นเป็นชายผิวสี มาที่ สน.บางนา โดยเมื่อนำตัวมาถึง เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้ง 2 เข้าห้องฝ่ายสืบสวนเพื่อทำการสอบสวน โดยมีการประสานล่ามเข้าร่วมสอบสวน

ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่าชายผิวสีคนดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดขณะเดินออกจากห้องผู้ตายหรือไม่แต่อย่างไร ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเพียงว่าเบื้องต้นบุคคลที่นำตัวมายังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง และในเช้าวันนี้จะประชุมสรุปความคืบหน้าคดี .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]