จับแก๊งคอลฯ อ้างเป็น ตร.หลอกยายวัย 81 ปี โอนเงินกว่า 2 ล้านบาท

26 ต.ค. – จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.ภูเก็ต และ ปปง. หลอกคุณยาย อายุ 81 ปี โอนเงินไปกว่า 2 ล้านบาท


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่าจากการสืบสวนสอบสวนสามารถจับกุมค้นร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กรณีหลอกลวงคุณยายสูงวัย อายุ 81 ปี โดยผู้ต้องหา คือ นายคมฤกษ อายุ 55 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

โดยคดีนี้คนร้ายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเก็ต และ จนท.ปปง. โทรหาผู้เสียหายหลอกลวงว่ามีพัสดุที่มีของผิดกฎหมาย มีชื่อของผู้เสียหายเป็นผู้ส่งไปรษณีย์ จ.ภูเก็ต และแจ้งว่าผู้เสียหายจะโดนคดีฟอกเงิน และค้ามนุษย์ หากไม่เกี่ยวข้องต้องโอนเงินในบัญชีเพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวนหลายครั้งรวมเป็นเงิน 2,585,153.31 บาท ต่อมาผู้เสียหายรู้ว่าตนเองถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความ กระทั่งมีการออกหมายจับ


กระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมนายคมฤกษ เจ้าของบัญชีม้า หนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ที่บริเวณริมสระน้ำประปานคร ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่านายคมฤกษ ได้เปิดบัญชีม้าให้กับผู้อื่น (ไม่ทราบชื่อ) ไปใช้ โดยได้รับค่าเปิดบัญชีเป็นเงินจำนวน 1,200 บาท โดยไปทราบว่าบัญชีดังกล่าวจะถูกใช้ในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ได้ฝากเตือนประชาชนไว้ ดังนี้ 1.ให้บุตรหลานภายในบ้านสอดส่องดูแลผู้สูงวัย ให้ปลอดภัยจากมิชฉาชีพภัยออนไลน์ 2.รับจ้างเปิด ซื้อ-ขาย ซิมผีบัญชีม้า มีความผิด ผู้เปิดซิมผีบัญชีม้า จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ว่าจ้าง จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน

ขณะที่ชุดสืบสวนนครบาลรวบ จับกุมตัว “ไมค์ ดอนมะเกลือ” บัญชีม้าคอลเซ็นเตอร์ หลอกยายวัย 82 ปี โอนเงิน สูญกว่า 2.5 ล้านบาท โดยเป็นการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับใน 11 ราย ที่ถูกออกหมายจับกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ร่วมกันหลอกคุณยายวัย 82 ปี ให้โอนเงินรวมกว่า 20 ครั้ง สูญเงินกว่า 2,580,000 ล้านบาท เหตุเกิดท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา


ผู้ต้องหาที่จับได้ คือ นายอนันต์ อายุ 27 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความซึ่งควรต้องบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงนั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ” โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รับว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในพื้นที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบอาชีพ พนักงานส่งอาหารของบริษัทแห่งหนึ่ง วิ่งรับงานในพื้นที่เมืองนครปฐม เกี่ยวกับกรณีที่ตนถูกจับกุมตามหมายจับน่าจะเป็นกรณีที่ เมื่อช่วงประมาณกลางเดือน สิงหาคม 2566 ตนได้เดินทางไปเปิดบัญชีธนาคารที่สาขาห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีนครปฐม โดยวัตถุประสงค์ในการเปิดบัญชีเพื่อใช้เป็นบัญชีรองรับเงินเดือนของแฟน ซึ่งจะมีการโอนต่อเข้ามาพักไว้ในบัญชีหลังจากเงินเดือนออกทุกเดือน รวมทั้งเงินของตนซึ่งหาได้เป็นรายวัน เพื่อใช้เป็นบัญชีสำหรับนำไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นกู้ซื้อบ้าน , ยื่นผ่อนซื้อโทรศัพท์มือถือ ตลอดจนยื่นสมัครสินเชื่อเงินสดต่างๆ แต่เนื่องจากฐานเงินเดือนของแฟน และรายได้ต่อวันของตนไม่เยอะมาก ทำให้เมื่อตนและแฟนโอนเงินเดือนและเงินที่ตนหาได้รายวันเข้าไปในบัญชีดังกล่าวแล้ว จะสามารถมียอดเงินคงค้างในบัญชีดังกล่าวได้ไม่นานก็จะถอนเงินออกมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้รายการเดินบัญชี มีรายการเงินหมุนเวียนไม่คงที่ จึงคิดหาวิธีการแก้ไข

ต่อมา เมื่อช่วงประมาณกลางเดือน กันยายน พ.ศ.2566 ตนและแฟนจึงได้ไปปรึกษากับผู้ใหญ่ที่ตนเคยรู้จัก ซึ่งผู้ใหญ่คนดังกล่าวได้แนะนำและรับปากว่าจะนำบัญชีธนาคารที่ตนเปิดดังกล่าวนั้น ไปใช้เพื่อปรับแต่งรายการเดินบัญชีให้คงที่ให้ ตนจึงได้มอบบัญชีธนาคารนั้นให้ผู้ใหญ่คนดังกล่าวไปใช้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน พ.ศ.2566 เป็นต้นมา โดยได้ให้สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมกับเปิดซิมโทรศัพท์มือถือลงทะเบียนในนามชื่อตนนำไปใช้ด้วยในคราวเดียวกัน

จนต่อมา เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ตนและแฟนได้เดินทางไปที่ธนาคารดังกล่าวเพื่อจะไปเบิกถอนเงินออกไปซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เมื่อไปทำรายการเบิกถอนเงินที่เคาน์เตอร์ของธนาคาร ปรากฏเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าบัญชีธนาคารของตนขณะนี้ถูกอายัด จึงไม่สามารถทำรายการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีได้ จึงทราบว่าบัญชีธนาคารมีปัญหาตั้งแต่นั้น จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”