ผบ.ตร.ยืนยันทรงผมตำรวจขึ้นกับภารกิจในแต่ละพื้นที่

กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-ผบ.ตร.ยืนยันทรงผมตำรวจขึ้นกับภารกิจในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัด ทรงผมไม่ควรกลายเป็นเป้าของผู้ประสงค์ร้ายและผู้ทำหน้าที่สืบสวน ย้ำไม่อยากให้ประเด็นทรงผมเป็นเรื่องที่พิเศษ อยากให้มุ่งถึงการปรับประยุกต์จากการลงไปสัมผัสปัญหาอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มากกว่า


กรณีการยกเลิกระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจเมื่อแต่งเครื่องแบบ พ.ศ.2561 ที่เคยกำหนดให้ข้าราชการตำรวจชายตัดผมสั้นขาว 3 ด้าน โดยด้านบนยาวไม่เกิน 3 ซม. เปลี่ยนเป็นผมด้านบนความยาวไม่เกิน 5 ซม. ด้านข้างและด้านหลังความยาวไม่เกิน 1 ซม. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าการปรับเปลี่ยนเรื่องระเบียบทรงผม สืบเนื่องมาจากนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกท่าน ที่ให้ผู้บังคับบัญชาลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับตำรวจชั้นใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ สิ่งที่ตนเก็บข้อมูลมาตั้งแต่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ภาพสะท้อนของน้องๆ เด็กๆ ระดับผู้ใต้บังคับบัญชา การที่ได้ลงไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้ได้เห็นปัญหาเรื่องทรงผมว่าที่พวกเขาไว้ทรงผมตามระเบียบกลายเป็นตัวชี้เป้าของผู้ก่อเหตุไม่สงบ ฉะนั้นพอตนเองได้มีโอกาสมารับตำแหน่งตรงนี้จึงอยากจะทำเป็นนโยบายถือว่าเป็นการ Top Up ไม่ใช่ Top Down อ้างอิงจากความเป็นจริงของเด็ก ๆ

ผบ.ตร. ระบุว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ได้เป็นความคิดเฉพาะตัวเองแต่เป็นการพูดคุยระดับผู้บังคับบัญชาทั้งหมดที่มองเห็นความสำคัญของน้องๆ ความสำคัญในการทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นในพื้นที่พิเศษ เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากนี้ทรงผมไม่ควรกลายเป็นเป้าของผู้ประสงค์ร้าย และผู้ที่ทำหน้าที่สืบสวนเช่นกัน การที่จะไว้ทรงผมลักษณะดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดสืบฯ ถ้าจะปลอมตัวเป็นได้อย่างเดียวคือปลอมเป็นพระ ปลอมเป็นอย่างอื่นไม่ได้


ในส่วนหน้างานต่าง ๆ ระเบียบมีกำหนดอยู่แล้วกลุ่มใด ๆ ที่อยู่ในภารกิจพิเศษไม่ได้อยู่ในพื้นที่เฉพาะ แต่ยังคงเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ ฉะนั้นทุกอย่างปรับเปลี่ยนตามภารกิจ ซึ่งเด็ก ๆ ก็จะรู้ว่าภารกิจใดควรจะไว้ทรงผมแบบใด ซึ่งจริงๆ แล้ว สิ่งนี้ตนอยากให้เป็นของขวัญวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งวันสถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่อยากให้ประเด็นเรื่องทรงผมเป็นเรื่องที่พิเศษมากนัก สิ่งที่อยากให้มุ่งคือเราได้ปรับประยุกต์จากการลงไปสัมผัสปัญหาอุปสรรคของน้อง ๆ ในพื้นที่ จากนี้ไม่ใช่เพียงการไปตรวจเยี่ยมเท่านั้น แต่ต้องเอาปัญหามาแก้ไขถือเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกท่าน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด