พิจิตร 3 ต.ค. – เจ้าอาวาสวัดบางคลาน มอบอำนาจตำรวจ ปปป. แก้ปัญหาข้อพิพาทเดินหน้าทวงคืนวัด หลังถูกกลุ่มบุคคลสกัดกั้นเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวัด
พนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), เจ้าอาวาส และกรรมการวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายในวัด เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลไม่ยอมให้เจ้าอาวาสและกรรมการวัดชุดใหม่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในวัด
พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่สามารถเข้าไปดำเนินการบริหารวัดได้ เพราะจะมีกลุ่มคนเข้ามาคอยขัดขวาง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีหน่วยงานของรัฐในพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงมีนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในวัดได้ จึงเดินทางมาร้องขอให้ทาง ปปป. เข้ามาช่วยดำเนินการคลี่คลายปัญหานี้ พร้อมกันนี้ ตนเองยังทำหนังสือมอบอำนาจให้ทางผู้บังคับการ ปปป. และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รับมอบอำนาจในการเข้าไปจัดการทางกฎหมายของทางวัด
เชื่อว่าทางตำรวจ ปปป.จะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาทั้งหมดได้อย่างจริงจัง ที่ผ่านมาเคยมอบอำนาจให้ “สว.กิตติศักดิ์” แต่ต่อมาพบว่าไม่มีการทำอะไรจริงจัง จึงได้ปลดออก รวมถึงที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือเจรจา แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ยังเข้าวัดไม่ได้และยังมีการใช้ความรุนแรง จึงห่วงเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินในวัด เพราะถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายภายในวัดได้ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลที่ใช้อำนาจในการควบคุมพื้นที่ของวัด และมีการบุกรุกเข้าไปพักอาศัยยึดครองพื้นที่ภายในวัด ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา จนมาถึงปัจจุบัน ในส่วนของเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีการสอบถามเหตุการณ์ตลอดเวลา แต่ยังคงเกิดเหตุบานปลาย เนื่องจากอำนาจของสงฆ์ไม่มี จึงต้องใช้อำนาจของกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า เบื้องต้นการประชุมร่วมในวันนี้ ได้ข้อสรุปว่า เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ทำหนังสือส่งมอบอำนาจให้กับตนเอง เพื่อบังคับใช้กฎหมายในการส่งมอบวัดบางคลานคืน ซึ่งการรับมอบอำนาจในวันนี้จะทำให้ตำรวจ ปปป. มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบและทำการส่งคืนสถานที่ให้กับทางอาจารย์ขาว เจ้าอาวาสรูปใหม่ รวมถึงยังเป็นการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและเจ้าอาวาสรูปใหม่ด้วย
ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อมานานกว่า 7-8 ปี ยังไม่แล้วเสร็จ ในวันนี้จึงมีการประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชุมร่วมกับทางเจ้าอาวาสวัด โดยมีการประสานมาจากนายอัจฉริยะ เพราะเห็นว่าทางตำรวจ ปปป. เคยมีผลงานในการเข้าไปจัดการการทุจริตเงินภายในวัดห้วยด้วน ที่ในการปฏิบัติการครั้งนั้นสามารถอายัดเงินจากผู้กระทำความผิดคืนให้กับวัดได้กว่า 70 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้ทาง ปปป. โดยตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจในการเข้าไปดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคืนพื้นที่วัดให้กับเจ้าอาวาส โดยมีหน่วยงานราชการในพื้นที่ อาทิ นายอำเภอโพทะเล ผู้กำกับการ สภ.โพทะเล และ ป.ป.ท. เป็นผู้ร่วมรับมอบอำนาจครั้งนี้ด้วย
สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้จะเป็นการปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก เริ่มจากเน้นหาทางออกกับกลุ่มชาวบ้าน รวมถึง “สว.กิตติศักดิ์” หากแก้ปัญหาและหาทางออกจากการเจรจาได้ก็จะเป็นเรื่องดี แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ ปปป.จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด อาทิ นำตำรวจควบคุมฝูงชน ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ เข้ามาบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ หากพบใครบุกรุกจะดำเนินการจับกุมตัวดำเนินคดีทันที รวมถึงตัว สว. หากพบว่าเข้ามาขัดขวางจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย เช่นเดียวกับประชาชนทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนเรื่องเอกสิทธิ์ความเป็น สว. ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ทาง ปปป.ยืนยันว่า ดำเนินการใช้กฎหมายกับทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะเบื้องต้นส่วนตัวเชื่อว่า การที่ปัญหานี้ไม่จบ แสดงถึงความอ่อนแรงของข้าราชการที่เข้ามาดำเนินการ
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตัวแทน ป.ป.ท. ระบุว่า ป.ป.ท.พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ ปปป. โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนในทุกด้าน เพราะเชื่อว่าถ้าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจริงจังกับผู้กระทำความผิด ก็จะสามารถเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกัน
ด้านนายอัจฉริยะ ระบุว่า ได้นำรายชื่อของชาวบ้านในจังหวัดพิจิตร จำนวนกว่า 1,000 รายชื่อ ที่สนับสนุนเจ้าอาวาสให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ และได้มีการพูดคุยกับทางทนายความของเจ้าอาวาส ในการพิจารณาตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐในพื้นที่มีการเข้าไปช่วยขอคืนพื้นที่ก่อนหน้านี้ เข้าข่ายทำความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่.-สำนักข่าวไทย