ผบ.ตร. มอบรางวัลให้หน่วยงานและตำรวจที่มีผลงานดีเด่นด้านจราจร

กทม. 21 ก.ย.- ผบ.ตร. มอบรางวัล “โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” ให้หน่วยงานและตำรวจที่มีผลงานดีเด่นด้านจราจร ภ.1 ผงาดรับรางวัลชนะเลิศระดับภาค พร้อม 49 หน่วยดีเด่นระดับจังหวัด พอใจผลงานศูนย์บริหารงานจราจร ลดอุบัติเหตุได้กว่า 1,500 ราย อีกทั้งวางระบบทุกมิติ สร้างสุภาพบุรุษจราจร สานต่อภารกิจในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนให้ยั่งยืน


วานนี้ (20 ก.ย.66) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนนวุฒิสภา , นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด , นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ , คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) , คุณนิตยา ลีธีระกุล ผู้บริหารสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 , คุณอัจฉรา บัวสมบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุ จส.100 และคณะทำงานศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิธีมอบรางวัล “โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” ให้หน่วยงานระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด และตำรวจที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุภาพจราจร ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับภารกิจงานจราจร มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการลดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยได้ผลักดันโครงการสำคัญหลายประการ เช่น การสร้างระบบฐานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ให้มีความทันสมัยและได้มาตรฐานสากล การพัฒนาระบบการปฏิบัติงาน เช่น ระบบตัดคะแนนผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ การเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งกับกรมการขนส่งทางบก ตลอดจนการขับเคลื่อนกับภาคีเครือข่ายระดับจังหวัดผ่านกลไกลของอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนด้านการบังคับใช้กฎหมาย ของศูนย์ความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด


และในปีนี้ ตร. ได้ริเริ่มโครงการ “โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย” โดย ตร. ได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท กลาง คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ
1 การลดอุบัติเหตุทางถนน – โดยให้ทุก บก./ภ.จว. ลดจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุทางถนน ในพื้นที่ของตนเอง เทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง โดยให้แต่ละ บก./ภ.จว. สำรวจปัจจัยปัญหาอุบัติเหตุในพื้นที่ และจัดกิจกรรม/โครงการ การตั้งจุดตรวจบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้เหมาะสมกับพื้นที่

2 การสร้างตำรวจจราจรมืออาชีพ – โดยให้มีการประเมินการปฏิบัติงานของตำรวจจราจร ของทุก สน./สภ. เพื่อคัดเลือกตำรวจจราจรที่ปฏิบัติงานดีเด่น มีความรู้ ความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยึดหลัก 5S ให้ตำรวจจราจรทุกนายถือปฏิบัติ ได้แก่ SMILE (ยิ้มแย้มแจ่มใส) SMART (มีบุคลิกภาพที่ดี) SALUTE (ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพ) SERVICE MIND (ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตใจบริการ) และ STANDARD (ยกระดับการปฏิบัติให้มีมาตรฐานเดียวกัน) ซึ่งจะคัดเลือกตำรวจจราจรดีเด่นจังหวัดละ 2 นาย เป็น รองสารวัตร 1 นาย และชั้นประทวน 1 นาย

สำหรับผลการดำเนินงานตามกิจกรรมของโครงการ โดยเฉพาะ การตั้งจุดตรวจกวดวินัยจราจร ตามจุดเสี่ยง ตลอดโครงการ รวมจำนวน มากกว่า 74,000 ครั้ง ตลอดจนการใช้กิจกรรม/โครงการต่างๆ ของแต่ละจังหวัด ตั้งแต่ ตุลาคม2565 ถึง สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตในภาพรวมทั้งประเทศได้ 1,550 ราย ลดจำนวนผู้บาดเจ็บได้ 111,660 ราย และนอกจากนั้น ยังสามารถสร้างตำรวจจราจรมืออาชีพ ที่มีคุณสมบัติ 5S เพื่อปฏิบัติงานป้องกันอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทุกสถานีอีกด้วย


ทั้งนี้ ทาง บริษัทกลางฯ ได้สนับสนุนเงินรางวัลในโครงการ รวมจำนวน 4,890,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับหน่วยงานและตำรวจจราจรที่ได้รับการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยหน่วยงานระดับกองบัญชาการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ ตำรวจภูธรภาค 1 (200,000 บาท) ตำรวจภูธรภาค 3 (100,000 บาท) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (100,000 บาท) ตามลำดับ และมีหน่วยงานระดับ บก./ภ.จว. ที่ได้รับการคัดเลือก ในโครงการอีกจำนวน 49 รางวัล โดยหน่วยงานที่ชนะเลิศของแต่ละ บช. เช่น บก.จร. ภ.จว.สมุทรปราการ ภ.จว.สระแก้ว ภ.จว.ชัยภูมิ ภ.จว.เลย ภ.จว.ลำพูน ภ.จว.นครสวรรค์ ภ.จว.นครปฐม ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ภ.จว.สงขลา (รางวัลละ 100,000 บาท) นอกจากนี้ยังมีรางวัลสำหรับตำรวจจราจร ที่ได้รับการคัดเลือก เป็นสุภาพบุรุษจราจร จะได้รับเงินรางวัล อีกคนละ 10,000 บาท .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 […]

“โชต้า” แข้งลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

สเปน 3 ก.ค. – “ดิโอโก้ โชต้า” กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุระหว่างการพักผ่อนที่ประเทศสเปนกับน้องชาย “มาร์ก้า” สื่อชื่อดังของสเปน รายงานข่าวว่า ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล วัย 28 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดซาโมรา ทางตะวันตกของประเทศสเปน ระหว่างการเดินทางไปพักผ่อนกับ อังเดร น้องชาย เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณกิโลเมตรที่ 65 ของทางหลวงสาย เอ-52 ใกล้เขตซานาเบรีย โดยโชต้าอยู่ในรถคันดังกล่าวพร้อมกับอังเดร น้องชายวัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน และเล่นให้กับสโมสรเปนาฟีแอล ในลีกโปรตุเกส รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสาร ประสบเหตุหลุดออกจากถนนและเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง มีพยานในที่เกิดเหตุโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหมายเลข 112 ระบุว่า รถถูกไฟคลอกทั้งคัน ดิเอโก้ โชต้า ย้ายจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2020 ด้วยค่าตัวราว 44.7 ล้านยูโร ราว 1,700 […]

สั่งปิดประชุมสภาฯ หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 3 ก.ค. – การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก ประเดิมด้วยกระทู้สดเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และขณะนี้ประธานสั่งปิดประชุมแล้ว หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ประเดิมด้วยการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีกรณีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีคุยกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้มีสัญญาณดี กัมพูชายอมคุยด้วยแล้ว ทางฝ่ายระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุยว่า เชิญไปประชุมทวิภาคี จีบีซี หารือ 2 ประเด็น ถอนกำลังพล-ลดเข้มงวดมาตรการชายแดน แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านโซเชียลฯ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาทำให้การพูดคุยในเรื่องเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ขอเรียนว่า มีสัญญาณบวกและวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลยังคงมาตรการในการควบคุมด่านอยู่ มีไว้เพื่อสร้างแรงกดดันที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม ยืนยันกองทัพทำตาม นโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้หลังการถามกระทู้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณารายงานของกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอที่ประชุมให้นับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบจำนวน สส.ภายในห้องประชุม ซึ่งขณะนี้มี […]

ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง

ทำเนียบ 3 ก.ค.-ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับดังนี้1.นายภูมิธรรม เวชยชัย2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค4.นายพิชัย ชุณหวชิร5.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ทั้งนี้ ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการ หรือองค์กรใด ส่วนในกรณีที่ผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ กองอาลักษณ์ฯ เห็นว่า การเสนอ ครม. พิจารณาการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเป็นอำนาจของ ครม. ตามความในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอ ครม. ต่อไป […]