19 ก.ย. – โฆษกชุดสืบสวนคดี “กำนันนก” เผยประสานศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 และกรมราชทัณฑ์ โอนสำนวนและย้ายผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมที่ส่วนกลาง
เวลา 14.50 น. ภายหลังการประชุมชุดพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวง ที่เสียชีวิตภายในงานเลี้ยงบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก
ล่าสุด พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ยืนยันว่าการรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรคภาค 7 ของกองปราบปราม ไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้ได้เพียงถึงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุ บันทึกภาพไว้ได้ถึงเพียงเวลา 10.00 น. แต่ยืนยันว่าตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้
ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อน คาดว่าจะต้องมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วจะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์และระงับเหตุให้ได้ ขณะนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งคณะทำงานเร่งรัด ดำเนินการ ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้าน และสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวโดยเร็วที่สุด คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน
นอกจากนั้นคณะทำงานจะทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์.-สำนักข่าวไทย