“บิ๊กโจ๊ก” การันตี “กำนันนก” ดิ้นไม่หลุด หลักฐานมัดตัว

บ้านพิษณุโลก 10 ก.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” การันตี “กำนันนก” ดิ้นไม่หลุด หลักฐานมัดตัว เผยกล้องวงจรปิดกู้คืนได้ ใช้เวลา 1-2 วัน ยันสอบไปถึง “ส่วยสติกเกอร์-ฮั้วประมูล” ด้วย ชี้หากไล่เส้นทางการเงินมาประกอบจะเห็นภาพชัด คาดปิดคดีได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ระบุ “นายกฯ เศรษฐา” กำชับปราบมาเฟียให้สิ้นซาก อยากให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงคดี “กำนันนก” ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ประชาชนมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตำรวจเองก็จะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น ส่วนความคืบหน้าของคดีกำนันนก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลและห่วงใย โดยให้แนวทางในการขยายผลให้ถึงที่สุดจนถึงตัวสุดท้าย

นอกจากนี้ ยังให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่างๆ ในพื้นที่ เช่น การฮั้วประมูล การได้งาน ก็จะต้องไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับตำรวจ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมา เชื่อมโยงกับใครและใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป โดยในช่วงเวลา 18.00 น. วันนี้ (10 ก.ย.66) ตนจะเดินทางไปประชุมความคืบหน้าของคดีที่ สภ.เมืองนครปฐม


เมื่อถามว่า เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่พบจะสามารถกู้ได้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำตอนนี้แห้งแล้ว สามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ขอให้ไม่ต้องกังวล

ส่วนกรณีที่จะมีการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของกำนันนก จนถึงขั้นอายัดหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องอายัด เพราะไม่เข้าข่ายเรื่องความผิด ซึ่งตอนนี้ได้เอกสารหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะต้องตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล หากเข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงิน จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป พร้อมย้ำว่า เหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจรับผิดชอบอย่างแน่นอน ซึ่งในหลักของกฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และการทำลายวัตถุพยาน จะต้องดำเนินคดี

“ในตำรวจจะมี 2-3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุวิ่งหนีเลย ไม่ทำอะไรเลย อันนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่พาสารวัตรแบงก์ หรือคนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เดี๋ยวความชัดเจนต่างๆ จะมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังตอบคำถามถึงกรณีที่หลายคนกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา อาจทำให้หลายคนกังวลกับการดำเนินคดี ว่า ตำรวจส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในภาค 7 ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หากเปรียบเทียบกับคดีของ “แอม ไซยาไนด์” เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีนี้นิ่ง หากไล่เส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดต่างๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ถึงจะสมบูรณ์

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันจะให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าในตอนแรก ตำรวจเขาโกหกหมด

“ผมก็ย้ำว่า โกหกก็โกหกไป ไม่เป็นไร แต่เรามีการสอบสวน มีการสืบสวน มีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงสามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน”

เมื่อถามว่า มีการโยงไปถึงประเด็นส่วยสติกเกอร์ด้วย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้นหรือไม่ อย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องสอบหมด ทั้งเรื่องส่วย เรื่องฮั้วประมูล พร้อมย้ำว่า หลังเข้าไปพบนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจที่จะปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลให้หมด ให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน

“นายกรัฐมนตรีท่านได้บอกว่า ตำรวจต้องไปอยู่กับประชาชน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ส่วนการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมดให้ข้อมูลและรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการให้การตรงกันอยู่แล้วว่า กำนันนกเป็นคนสั่งการ

เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยว่าประเด็นที่พูดคุยกันในโต๊ะอาหาร เรื่องส่วยสติกเกอร์หรือการโยกย้ายตำแหน่งเป็นสาเหตุกันแน่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องส่วย แต่เป็นการขอโยกย้ายตำรวจแล้วไม่ให้ก็สั่งยิง พูดง่ายๆ ว่าเหิมเกริม อยู่แบบนี้มานาน ผูกพันกับตำรวจในพื้นที่มานานจนกระทั่งเหิมเกริม เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ต้องล้างบางเสียที

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นส่วยรูปกระต่าย มีการเชื่อมโยงไปถึงระดับรองผู้บัญชาการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ต้องเรียนตามตรงว่า หากเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินคดีหมด ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่สื่อเห็น ถ้าทำอย่างไม่ตรงไปตรงมา สื่อก็จะรู้

“วันนี้มันปิดบังกันไม่ได้ในโลกปัจจุบัน ถ้าใครทำอะไรไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทาง มันก็ไปกันไม่รอด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า จากการสอบปากคำกำนันนก ยังให้การภาคเสธ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ให้นายหน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรแบงก์ แต่นายหน่องเป็นคนยิงจริง พร้อมย้ำว่า คดีนี้กำนันนกดิ้นไม่หลุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย