“บิ๊กโจ๊ก” การันตี “กำนันนก” ดิ้นไม่หลุด หลักฐานมัดตัว

บ้านพิษณุโลก 10 ก.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” การันตี “กำนันนก” ดิ้นไม่หลุด หลักฐานมัดตัว เผยกล้องวงจรปิดกู้คืนได้ ใช้เวลา 1-2 วัน ยันสอบไปถึง “ส่วยสติกเกอร์-ฮั้วประมูล” ด้วย ชี้หากไล่เส้นทางการเงินมาประกอบจะเห็นภาพชัด คาดปิดคดีได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ระบุ “นายกฯ เศรษฐา” กำชับปราบมาเฟียให้สิ้นซาก อยากให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงคดี “กำนันนก” ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ประชาชนมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตำรวจเองก็จะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น ส่วนความคืบหน้าของคดีกำนันนก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลและห่วงใย โดยให้แนวทางในการขยายผลให้ถึงที่สุดจนถึงตัวสุดท้าย

นอกจากนี้ ยังให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่างๆ ในพื้นที่ เช่น การฮั้วประมูล การได้งาน ก็จะต้องไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับตำรวจ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมา เชื่อมโยงกับใครและใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป โดยในช่วงเวลา 18.00 น. วันนี้ (10 ก.ย.66) ตนจะเดินทางไปประชุมความคืบหน้าของคดีที่ สภ.เมืองนครปฐม


เมื่อถามว่า เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่พบจะสามารถกู้ได้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำตอนนี้แห้งแล้ว สามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ขอให้ไม่ต้องกังวล

ส่วนกรณีที่จะมีการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของกำนันนก จนถึงขั้นอายัดหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องอายัด เพราะไม่เข้าข่ายเรื่องความผิด ซึ่งตอนนี้ได้เอกสารหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะต้องตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล หากเข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงิน จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป พร้อมย้ำว่า เหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจรับผิดชอบอย่างแน่นอน ซึ่งในหลักของกฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และการทำลายวัตถุพยาน จะต้องดำเนินคดี

“ในตำรวจจะมี 2-3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุวิ่งหนีเลย ไม่ทำอะไรเลย อันนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่พาสารวัตรแบงก์ หรือคนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เดี๋ยวความชัดเจนต่างๆ จะมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังตอบคำถามถึงกรณีที่หลายคนกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา อาจทำให้หลายคนกังวลกับการดำเนินคดี ว่า ตำรวจส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในภาค 7 ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หากเปรียบเทียบกับคดีของ “แอม ไซยาไนด์” เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีนี้นิ่ง หากไล่เส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดต่างๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ถึงจะสมบูรณ์

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันจะให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าในตอนแรก ตำรวจเขาโกหกหมด

“ผมก็ย้ำว่า โกหกก็โกหกไป ไม่เป็นไร แต่เรามีการสอบสวน มีการสืบสวน มีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงสามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน”

เมื่อถามว่า มีการโยงไปถึงประเด็นส่วยสติกเกอร์ด้วย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้นหรือไม่ อย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องสอบหมด ทั้งเรื่องส่วย เรื่องฮั้วประมูล พร้อมย้ำว่า หลังเข้าไปพบนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจที่จะปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลให้หมด ให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน

“นายกรัฐมนตรีท่านได้บอกว่า ตำรวจต้องไปอยู่กับประชาชน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ส่วนการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมดให้ข้อมูลและรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการให้การตรงกันอยู่แล้วว่า กำนันนกเป็นคนสั่งการ

เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยว่าประเด็นที่พูดคุยกันในโต๊ะอาหาร เรื่องส่วยสติกเกอร์หรือการโยกย้ายตำแหน่งเป็นสาเหตุกันแน่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องส่วย แต่เป็นการขอโยกย้ายตำรวจแล้วไม่ให้ก็สั่งยิง พูดง่ายๆ ว่าเหิมเกริม อยู่แบบนี้มานาน ผูกพันกับตำรวจในพื้นที่มานานจนกระทั่งเหิมเกริม เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ต้องล้างบางเสียที

เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นส่วยรูปกระต่าย มีการเชื่อมโยงไปถึงระดับรองผู้บัญชาการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ต้องเรียนตามตรงว่า หากเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินคดีหมด ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่สื่อเห็น ถ้าทำอย่างไม่ตรงไปตรงมา สื่อก็จะรู้

“วันนี้มันปิดบังกันไม่ได้ในโลกปัจจุบัน ถ้าใครทำอะไรไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทาง มันก็ไปกันไม่รอด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า จากการสอบปากคำกำนันนก ยังให้การภาคเสธ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ให้นายหน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรแบงก์ แต่นายหน่องเป็นคนยิงจริง พร้อมย้ำว่า คดีนี้กำนันนกดิ้นไม่หลุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]