รวบแก๊งทนาย จ้างพยานคดีค้ามนุษย์กลับคำให้การ

กทม. 8 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการปราบ Lawyer Outlaws รวบกลุ่มทนายความเข้าติดต่อจ่ายเงินให้พยานในคดีค้ามนุษย์เพื่อกลับคำให้การในชั้นศาล


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัสฯ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม ผกก.6 บก.ปคม., พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 บก.ปคม.,พ.ต.ท.นภสินธุ์ ภูมี, พ.ต.ท.สามารถ เทพมณี รอง ผกก.6 บก.คปม., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.คปม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร, พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.3 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.6 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.วชิระ ศุภพิสิฐกุล รอง ผกก.6 (สอบสวน) บก.ปคม., พ.ต.ต.ชรัส มีล้ำ สว.กก.6 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.6 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.1 บก.ปคม. นำโดย ร.ต.อ.กิตติพงษ์ ศรีเมือง รอง สว.กก.1 บก.คปม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.6 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.1 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย คือ

  1. นายดุสิต อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2891/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่ง ถ.รามคำแหง 91 ต.หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 06.22 น.
  2. น.ส.สุภัจฉลีย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2892/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ซ.แจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 07.00 น.
  3. น.ส.ปนัดดา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2893/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 07.30 น.
  4. นายธันว์ธเนศ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2894/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งซอยประชาอุทิศ 13 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 06.52 น.

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้รับแจ้งจากพยานในคดีค้ามนุษย์ฯ ว่ามีทนายความโทรศัพท์มานัดหมายขอคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ใน จ.ชลบุรี เมื่อไปพบทนายความตามที่นัดหมายที่ร้านอาหารดังกล่าว ก็ได้พบกับ นายดุสิต และ น.ส.สุภัจฉลีย์ และเมื่อได้พูดคุยกัน ทนายความทั้งสองได้สอบถามพยานถึงเหตุการณ์ และวันเวลาเกิดเหตุในคดีที่พยานเป็นผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ ที่จะขึ้นเบิกความในชั้นพิจารณาของศาล ในวันที่ 22 มิ.ย.2566 ซึ่งในนัดดังกล่าว เป็นวันที่ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ และทนายความทั้งสอง ได้ขอให้พยานให้การตามที่ทนายความบอก คือให้การว่า ในวันเกิดเหตุ จำตัวบุคคลไม่ได้ เนื่องจากวันที่เกิดเหตุกับวันที่ให้การต่อพนักงานสอบสวน มีระยะห่างกันหลายเดือน นายดุสิต ให้พยานบอกว่า เข้าไปบ้านที่เกิดเหตุ (จำเลยในคดีค้ามนุษย์) หลายครั้งแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าจริงๆ ผู้ที่พบเห็นนั้นคือคนเดียวกันกับผู้ต้องหาที่ซื้อบริการทางเพศจริงหรือไม่ ซึ่งแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่พยานได้เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวน โดยที่นายดุสิต แจ้งว่าหากพยานยินยอมเบิกความตามที่นายดุสิต บอกนั้นจะมอบเงินให้พยาน จำนวน 100,000 บาท โดยจะแบ่งให้ครั้งแรกจำนวน 50,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 50,000 บาท นั้น นายดุสิตจะมอบให้หลังจากที่พยานเบิกความในชั้นศาลในวันที่ 22 มิ.ย.2566 ตามที่นายดุสิตกับพวกแนะนำ


โดยในทางสืบสวนพบว่า นายธันว์ธเนศ มีความเกี่ยวข้องจากการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยทำการแนะนำให้พยานในคดีค้ามนุษย์ เบิกความในชั้นศาลไปในทำนองเดียวกันกับนายดุสิต และ น.ส.สุภัจฉลีย์ บอก โดยให้พยานเบิกความว่าจำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าคนที่มา เป็นจำเลยหรือผู้ซื้อบริการในคดีค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะระยะห่างระหว่างเวลาแจ้งความกับเวลาที่เกิดเหตุ ผ่านไปประมาณ 5 เดือนแล้ว อีกทั้งยังเกี่ยวพันโดยการพาพยานไปรับเงิน จากกลุ่มทนายที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งและได้รับผลประโยชน์จากเงินดังกล่าวบางส่วนอีกด้วย

ส่วน น.ส.ปนัดดา ในทางสืบสวน ทราบว่า เป็นผู้นำเงินจำนวน 50,000 บาท ไปส่งมอบให้กับพยานในคดีรายหนึ่ง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี พร้อมทั้งแนะนำให้พยานให้การว่าจำรูปไม่ได้ จำคนไม่ได้ หรือจำคนผิดหรือไม่แน่ใจ และให้บอกว่าเรื่องนี้มันเกิดมานานแล้ว หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 แล้ว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินคดีต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ผู้ที่มีหน้าที่ช่วยผดุงความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมนั้น ไม่เฉพาะ ตำรวจ หรือ ทนายความ ขอให้ตระหนักเรื่องอำนาจหน้าที่และความถูกต้องเป็นหลัก เพราะกรณีเช่นนี้ ขั้นตอนและกระบวนพิจารณาโดยเฉพาะทนายความผู้ซึ่งมีวิชาชีพและความรู้เฉพาะทางในด้วนกฎหมาย ย่อมรู้ดีว่า ขั้นตอนดังกล่าว ทนายย่อมมีหน้าที่ในชั้นศาลโดยใช้วิธีการของการ “ซักค้าน” พยานของโจทก์ หาใช่มาใช้วิธีการนำเงินมาเป็นสิ่งล่อใจให้พยานเบิกความไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ ซึ่งจะทำให้กระบวนการยุติธรรม เกิดความผิดเพี้ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการอำนวยการยุติธรรมของกระบวนการพิจารณาคดีได้ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]