รวบแก๊งทนาย จ้างพยานคดีค้ามนุษย์กลับคำให้การ

กทม. 8 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการปราบ Lawyer Outlaws รวบกลุ่มทนายความเข้าติดต่อจ่ายเงินให้พยานในคดีค้ามนุษย์เพื่อกลับคำให้การในชั้นศาล


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัสฯ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม ผกก.6 บก.ปคม., พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 บก.ปคม.,พ.ต.ท.นภสินธุ์ ภูมี, พ.ต.ท.สามารถ เทพมณี รอง ผกก.6 บก.คปม., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.คปม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร, พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.3 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.6 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.วชิระ ศุภพิสิฐกุล รอง ผกก.6 (สอบสวน) บก.ปคม., พ.ต.ต.ชรัส มีล้ำ สว.กก.6 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.6 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.1 บก.ปคม. นำโดย ร.ต.อ.กิตติพงษ์ ศรีเมือง รอง สว.กก.1 บก.คปม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.6 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.1 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย คือ

  1. นายดุสิต อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2891/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่ง ถ.รามคำแหง 91 ต.หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 06.22 น.
  2. น.ส.สุภัจฉลีย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2892/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ซ.แจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 07.00 น.
  3. น.ส.ปนัดดา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2893/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 07.30 น.
  4. นายธันว์ธเนศ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2894/2566 ลง 6 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่งซอยประชาอุทิศ 13 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 06.52 น.

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้รับแจ้งจากพยานในคดีค้ามนุษย์ฯ ว่ามีทนายความโทรศัพท์มานัดหมายขอคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ใน จ.ชลบุรี เมื่อไปพบทนายความตามที่นัดหมายที่ร้านอาหารดังกล่าว ก็ได้พบกับ นายดุสิต และ น.ส.สุภัจฉลีย์ และเมื่อได้พูดคุยกัน ทนายความทั้งสองได้สอบถามพยานถึงเหตุการณ์ และวันเวลาเกิดเหตุในคดีที่พยานเป็นผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ ที่จะขึ้นเบิกความในชั้นพิจารณาของศาล ในวันที่ 22 มิ.ย.2566 ซึ่งในนัดดังกล่าว เป็นวันที่ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ และทนายความทั้งสอง ได้ขอให้พยานให้การตามที่ทนายความบอก คือให้การว่า ในวันเกิดเหตุ จำตัวบุคคลไม่ได้ เนื่องจากวันที่เกิดเหตุกับวันที่ให้การต่อพนักงานสอบสวน มีระยะห่างกันหลายเดือน นายดุสิต ให้พยานบอกว่า เข้าไปบ้านที่เกิดเหตุ (จำเลยในคดีค้ามนุษย์) หลายครั้งแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าจริงๆ ผู้ที่พบเห็นนั้นคือคนเดียวกันกับผู้ต้องหาที่ซื้อบริการทางเพศจริงหรือไม่ ซึ่งแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่พยานได้เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวน โดยที่นายดุสิต แจ้งว่าหากพยานยินยอมเบิกความตามที่นายดุสิต บอกนั้นจะมอบเงินให้พยาน จำนวน 100,000 บาท โดยจะแบ่งให้ครั้งแรกจำนวน 50,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 50,000 บาท นั้น นายดุสิตจะมอบให้หลังจากที่พยานเบิกความในชั้นศาลในวันที่ 22 มิ.ย.2566 ตามที่นายดุสิตกับพวกแนะนำ


โดยในทางสืบสวนพบว่า นายธันว์ธเนศ มีความเกี่ยวข้องจากการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยทำการแนะนำให้พยานในคดีค้ามนุษย์ เบิกความในชั้นศาลไปในทำนองเดียวกันกับนายดุสิต และ น.ส.สุภัจฉลีย์ บอก โดยให้พยานเบิกความว่าจำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าคนที่มา เป็นจำเลยหรือผู้ซื้อบริการในคดีค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะระยะห่างระหว่างเวลาแจ้งความกับเวลาที่เกิดเหตุ ผ่านไปประมาณ 5 เดือนแล้ว อีกทั้งยังเกี่ยวพันโดยการพาพยานไปรับเงิน จากกลุ่มทนายที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งและได้รับผลประโยชน์จากเงินดังกล่าวบางส่วนอีกด้วย

ส่วน น.ส.ปนัดดา ในทางสืบสวน ทราบว่า เป็นผู้นำเงินจำนวน 50,000 บาท ไปส่งมอบให้กับพยานในคดีรายหนึ่ง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี พร้อมทั้งแนะนำให้พยานให้การว่าจำรูปไม่ได้ จำคนไม่ได้ หรือจำคนผิดหรือไม่แน่ใจ และให้บอกว่าเรื่องนี้มันเกิดมานานแล้ว หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 แล้ว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. ดำเนินคดีต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ผู้ที่มีหน้าที่ช่วยผดุงความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมนั้น ไม่เฉพาะ ตำรวจ หรือ ทนายความ ขอให้ตระหนักเรื่องอำนาจหน้าที่และความถูกต้องเป็นหลัก เพราะกรณีเช่นนี้ ขั้นตอนและกระบวนพิจารณาโดยเฉพาะทนายความผู้ซึ่งมีวิชาชีพและความรู้เฉพาะทางในด้วนกฎหมาย ย่อมรู้ดีว่า ขั้นตอนดังกล่าว ทนายย่อมมีหน้าที่ในชั้นศาลโดยใช้วิธีการของการ “ซักค้าน” พยานของโจทก์ หาใช่มาใช้วิธีการนำเงินมาเป็นสิ่งล่อใจให้พยานเบิกความไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ ซึ่งจะทำให้กระบวนการยุติธรรม เกิดความผิดเพี้ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการอำนวยการยุติธรรมของกระบวนการพิจารณาคดีได้ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม