เร่งตรวจสอบ “ส่วยสติกเกอร์” โผล่อีก

กทม. 6 ก.ย.- “จรูญเกียรติ” ยอมรับมีสติกเกอร์โสภณ 38 กลับมาอีก อยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพบว่ามีตำรวจทางหลวงไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด


พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการปราบปราม ส่วยสติกเกอร์ ยอมรับผิดที่ปราบปรามไม่หมด โดยให้เหตุผลว่า ช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการปราบปรามส่วยสติกเกอร์ ก็เงียบหายไปพักนึง เนื่องจาก ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตนเองมีความจริงจังในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว แต่พอเรื่องเงียบ กลับมีเรื่องสติกเกอร์โสภณ 38 กลับมาอีก ต้องยอมรับความผิดพลาดที่ปล่อยปละละเลยให้มีตำรวจทางหลวงนอกรีตกลับมามีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์อีก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีตำรวจทางหลวงไปเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ฝากถึงผู้ประกอบการ ที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ว่าการเรียกร้องให้ตำรวจทางหลวงแก้กฎหมายเรื่องน้ำหนักเกิน เป็นข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ต้องไปเรียกร้องที่กระทรวงคมนมคม พร้อมทั้ง ฝากถึงรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม อยากให้มีการแก้ไขกฎหมาย เรื่องเพิ่มน้ำหนักรถบรรทุก เพื่อป้องกันส่วยทางหลวง และเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ไม่ต้องแบกรับต้นทุนจากการขนส่งสินค้า ทำให้ไม่คุ้มค่า


ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการกับตำรวจทางหลวง ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ก่อนหน้านี้ มีทั้งหมด 40 คน ในจำนวนนี้ มี 29 คนที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ และมี 6 คน ที่ประกอบด้วยนาย ตำรวจระดับ รองผู้กำกับการ 1 นาย รองสารวัตร 1 นาย และชั้นประทวนอีก 4 นาย ถูกดำเนินคดี และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว ส่วนที่เหลือ อีก 11 คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์ แต่มีการไปเรียกรับผลประโยชน์ในเรื่องอื่น

โดยตำรวจทั้งหมด หลังจากมีคำสั่งย้ายออกจากหน่วย เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และปัจจุบัน ได้ส่งตัวกลับหน่วยงาน โดยมีข้อแม้ 2 ประการ คือ ห้ามไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ยุ่งเกี่ยวกับประชาชน และห้ามเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด ส่วนการโยกย้ายตามฤดูกาลครั้งต่อไป นายตำรวจทั้ง 40 นาย ที่ถูกสอบเรื่องส่วยสติกเกอร์ทั้งหมด จะพิจารณาให้ย้ายออกจากสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง

พร้อมฝากถึงประชาชน และผู้ประกอบการ หากมีการเรียกรับส่วยสติกเกอร์ ให้แจ้งเบาะแสมาที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) และกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อขุดรากถอนโคนตำรวจทางหลวงนอกรีตให้หมดไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”