กทม. 31 ส.ค.- “พล.ต.ท.จิรภพ” แถลงผลการจับกุมแก๊งจีนเทา ขุดรากถอนโคนตั้งแต่ผู้เปิดบัญชีม้าจนถึงตัวการระดับหัวหน้า อายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม 2 คดี โดยคดีแรกตำรวจ บก.ปอท. ร่วมกับ สำนักงานอัยการสูงสุด และ ปปง. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 30 จุด ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และอุดรธานี ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (ไฮบริดสแกม) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงคนควบคุมบัญชีม้า คนรับจ้างเปิดบัญชีม้า และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงิน ตามหมายจับ 14 คน จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 คน ในจำนวนนั้นเป็นชาวจีน 2 คน และคนไทย 7 คน
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มคนร้ายใช้ Facebook ปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้ามาพูดคุยตีสนิท จนผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วชักชวนให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล อ่านเว็บไซต์ชื่อ CBOEX ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่กลุ่มคนร้ายปลอมขึ้นมาทั้งหมด ทำให้มีลักษณะคล้ายกับแอปพลิเคชันดั้งเดิมที่ใช้ชื่อ CBOE ซึ่งปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว โดยคนร้ายจะแนะนำให้ผู้เสียหายสมัครเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มเทรดสกุลเงินดิจิทัลของไทยเพื่อสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล ไปซื้อเหรียญดิจิทัลสกุลเงิน USDT ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว จากนั้นคนร้ายก็หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเหรียญดิจิทัลเข้าไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลของคนร้าย มีการแจ้งยอดผลกำไรจากการลงทุนให้แก่ผู้เสียหาย ยิ่งทำให้หลงเชื่อโอนเงินไปลงทุนเพิ่มอีก รวมเป็นเงินความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินและเส้นทางของเหรียญดิจิทัลของผู้เสียหายพบว่า มีการโอนจากกระเป๋าผู้เสียหายไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลส่วนตัวกว่า 20 กระเป๋า เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ก่อนจะโอนไปรวมที่กระเป๋าเหรียญดิจิทัลของคนร้าย แล้วเทขายเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย โดยพบว่าในปี 2565 แก๊งคนร้ายรายนี้มีการขายเหรียญดิจิทัลที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนรูปแบบการกระทำความผิดพบว่าทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ คือ ระดับหัวหน้าสั่งการ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ติดต่อพูดคุยหลอกลวงเหยื่อ กลุ่มนายหน้าจัดหาบัญชีม้า และกระเป๋าเงินดิจิทัลม้า กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า และกระเป๋าเงินดิจิทัลม้า และกลุ่มที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยนำเงินไปซื้อทรัพย์สินมีค่า และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
พลตำรวจโท จิรภพ เปิดเผยว่า การขยายผลจับกุมคดีนี้ถือว่าเป็นคดีแรกๆ ที่สามารถขุดรากถอนโคนตั้งแต่ผู้เปิดบัญชีม้าไปจนถึงตัวการสั่งการระดับหัวหน้า สามารถอายัดทรัพย์สินได้จำนวนมาก ซึ่งจากการขยายผลตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนอมินี และคนไทยที่เป็นนอมินี ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายพบว่า มีการครอบครองบ้านหรู 17 หลัง รถยนต์หรู 12 คัน เงินสดกว่า 6 ล้านบาท ทองรูปพรรณกว่า 10 รายการ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหลังตรวจสอบในเบื้องต้นได้ทำการอายัดบ้านหรูจำนวน 15 หลัง ส่วนของกลางอื่นๆ ได้ทำการอายัดไว้ และส่งให้ ปปง. ตรวจสอบเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ยังหลบหนี และจะขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
โดยหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญ คือ กิกี้ นางแบบเซ็กซี่คนดังรวมอยู่ด้วย โดยทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้าและเป็นกระเป๋า wallet ม้า และยักย้ายถ่ายเทเงินออกจากบัญชี ก่อนส่งต่อให้กับบริษัทรับฟอกเงิน ส่วนตัวการคนสำคัญซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้บงการ เป็นคนจีน ขณะนี้ ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านรวม 3 ประเทศ โดยทางการจีนได้ออกหมายจับไว้แล้ว เนื่องจากมีคนจีนแจ้งความถูกแก๊ง Call Center กลุ่มนี้ หลอกลวง ชักชวนลงทุน เงินตราดิจิทัล สูญเสียเงินหลายพันล้านหยวน รวมกว่า 1,300 คดี ซึ่งตำรวจไทย จะร่วมมือกับตำรวจจีน ทางการพม่า ลาว และกัมพูชา ดำเนินการติดตามตัว และจับกุมตัวดำเนินคดีต่อไป
ส่วนคดีที่ 2 ตำรวจ บก.ปคม. จับกุม นางสาวภาพิมล อายุ 20 ปี นางสาวปาริฉัตร อายุ 28 ปี และนางสาวโดกี้ อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งนายหน้าค้ากามเด็ก นอกจากนี้ยังจับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบริการได้อีก 5 คน สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีผู้ใช้บัญชี Twitter ชื่อ Buble มีการโพสต์โฆษณาเชิญชวนค้าประเวณีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ในพื้นที่จังหวัดระยอง จึงให้สายลับอำพรางตัวติดต่อขอซื้อบริการทางเพศกับผู้ใช้บัญชี Twitter ดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชัน LINE โดยผู้ใช้บัญชี Twitter ดังกล่าวได้ส่งภาพหญิงสาวมาให้เลือก แล้วติดต่อล่อซื้อโดยโอนเงินให้กับผู้ต้องหา โดยใช้บัญชีม้ารับโอนเงินเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม ซึ่งต่อมาสามารถเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 15 ปี ที่ถูกล่อลวงมาค้าประเวณี
จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นางสาวภาพิมล และนางสาวปาริฉัตร เป็นนายหน้าค้าประเวณีเด็ก จึงขอศาลอนุมัติหมายจับ และไปจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ค่านายหน้าในการหาลูกค้าให้กับเด็กครั้งละ 500 บาท ทำมานานกว่า 2 เดือน นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวในสังกัดอีก 2 คน มีอายุ 14 ปีและ 16 ปี ซึ่งจากการสอบถามพบว่า การรับงานแต่ละครั้งจะได้รับการติดต่อผ่านนายหน้าอีกทอดคือ นางสาวโดกี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานของศาลอนุมัติหมายจับ และไปจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา .-สำนักข่าวไทย