fbpx

เปิดปฏิบัติการ จับพ่อค้าคนกลางซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล

กทม. 24 ส.ค.- ตร.ไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ Take down “ล่ารัก(ลัก) ลวง” จับกุมพ่อค้าคนกลาง รับซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) กว่า 15 ล้านรายชื่อ


เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อํานาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แถลงจับกุม นายศุภากรณ์ หรือ ปลื้ม อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา ในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีมีขบวนการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลกว่า 15 ล้านรายชื่อ

โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากตํารวจไซเบอร์ จับกุมตัว นายผดุงเกียรติ หรือเบนซ์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา กรณีขายข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) กว่า 2,000,000 รายชื่อ ขายให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทา, กลุ่มเว็บพนันออนไลน์ (บัญชีม้า), กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีพฤติกรรมหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตามที่กฎหมายได้รับรองไว้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูล อาทิ การโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงด้วยวิธีการต่าง ๆ โฆษณาชี้ชวนให้เข้าทําสัญญาต่าง ๆ ทางโทรศัพท์ และการส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเจ้าของหมายเลขมิได้มีเจตนาในการรับข้อความนั้น ๆ


ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจไซเบอร์ออกสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง ผลการตรวจสอบปรากฏข้อมูลรายละเอียดการเสนอขายฐานข้อมูลจาก นายศุภากรณ์ หรือปลื้ม ให้กับนายผดุงเกียรติ ผ่านแชทบัญชี Facebook ชื่อ “งานไม่ทำ รำอย่างเดียว” URL: https://www.facebook.com/plume.finnz.1 โดยพบหลักฐานมีการตกลงซื้อขายข้อมูลยกไดร์ฟ จํานวนกว่า 2 ล้านรายชื่อ ในราคา 7,000 บาท โดยการชําระเงินเข้าบัญชีธนาคารในชื่อบัญชี นายศุภากรณ์ หรือปลื้ม

ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ หาข้อมูลจนทราบว่า นายศุภากรณ์ หรือปลื้ม เป็นผู้ต้องหาสําคัญในขบวนการดังกล่าวและยังเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัด ภูเก็ต ที่ 451/2566 ลง 21 ส.ค.66 มาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ พุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ จึงวางแผนเข้าจับกุมในความผิดฐาน “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่า ทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของ ประเทศฯ จัดให้มีการเล่น หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่น เล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากเจ้า พนักงาน, ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ฯ นําไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น”

สอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ประกอบอาชีพเป็นคนกลาง เอาข้อมูล ส่วนใหญ่ที่เป็นเบอร์โทรศัพท์ มาจาก ดาร์กเว็บ และ รับซื้อข้อมูลจากกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อขายอาหารเสริม รวมถึงมาจากกลุ่มสีเทา ที่มีข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) กว่า 15,000,000 รายชื่อ นํามาโพสต์ขายต่อในเฟซบุ๊ก ให้กับกลุ่มธุรกิจ สีเทา ไปใช้ในการหลอกเอาเงินประชาชนอีกทอด มีรายได้จากการกระทํา ดังกล่าวสูงสุดกว่าเดือนละ 400,000 บาท ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจไซเบอร์จับกุมในที่สุด และ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่าผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับจ่าสิบโทเขมรัตน์ บุญช่วย หรือ 9เนียร์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เรื่องการขายข้อมูลส่วนบุคคล 55 ล้านรายชื่อ


นอกจากนี้ยัง จับกุมขบวนการหลอกรักออนไลน์ ได้ผู้ต้องหาชาวเมียนมา รวม 2 คน เป็นผู้บริหารบัญชี ขณะกบดาน อยู่ในที่พักย่านสุขุมวิท พร้อมยึดของกลาง รถยนต์หรู, Macbook, Ipad, ธนบัตรดอลลาร์, ธนบัตรพม่า, ธนบัตร ไทย, สมุดบัญชีธนาคาร พร้อมของกลางอื่นอีกหลายรายการ ซึ่งการกระทําดังกล่าวของผู้ต้องหาเป็นการกระทําความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตน เป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ประชาชน” จากนั้นจึงนําตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีผู้เสียหายหญิงอายุ 44 ปี แจ้งความระบบการแจ้งความออนไลน์ กรณีถูกมิจฉาชีพ หลอกเป็นหนุ่มยุโรป รูปหล่อ ลวงให้รัก แล้วโอนเงิน โดยคนร้ายใช้เทคนิคทางจิตวิทยาผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยี (แอพพลิเคชั่นอินสตาแกรม) ส่งข้อความมาในลักษณะชวนคุย เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ หลงคารม และตกลงคบเป็นแฟนกัน ซึ่งได้พูดคุยกันเรื่อยมา จนกระทั่งคนร้ายอ้างว่าจะส่งของมาให้เป็นเงินจํานวน 50,000 ปอนด์ พร้อมด้วย นาฬิกา, กระเป๋าหรู และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ แต่ผู้เสียหายต้องโอนชําระเงินค่าขนส่งไปให้ก่อน ผู้เสียหาย หลงเชื่อจึงโอนเงินไป มูลค่าความเสียหาย 1,090,000 บาท เจ้าหน้าที่ตํารวจไซเบอร์ออกสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง จนทราบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้เสียหายในระบบแจ้ง ความออนไลน์ จํานวน 7 Case Id มูลค่าความเสียหายรวม 18,542,500 บาท เจ้าหน้าที่ตํารวจ จึงได้สืบสวนสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายค้น และเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 23 ส.ค.66 ที่ผ่านมา จํานวน 7 จุด ในกรุงเทพ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และจับกุมผู้ต้องหาและยึดจองกลางดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ “มาริษ” รมว.กต.คนใหม่

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “มาริษ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ แทน “ปานปรีย์” ที่ลาออกจากตำแหน่ง มีผลทันที

นายกฯ ย้ำไม่ลืมคำมั่นเพิ่มค่าแรง ชี้ต้องเพียงพอดำรงชีวิต

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความไม่ลืมคำมั่นเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำเงินเดือนต้องเพียงพอในการดำรงชีวิต

ข้าราชการบรรจุใหม่เฮ! ปรับขึ้นเงินเดือน 1 พ.ค.67-68

รัฐบาลขึ้นเงินเดือนข้าราชการกลุ่มบรรจุใหม่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 พฤษภาคม 2567) หลังจัดงบประมาณไว้รองรับแล้ว ส่วนปี 2568 พร้อมขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี แตะ 18,000 บาท