“ชูวิทย์” ยื่นฟ้องกลับ “เศรษฐา-ทนายความ”

15 ส.ค. – “ชูวิทย์” ฟ้อง “เศรษฐา” และทนายวิญญัติ ใน 3 ข้อหา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 90,000 บาท ก่อนเดินทางไปยื่นสอบมรรยาททนายความ ขณะที่จะเดินหน้า นำหลักฐานให้ “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดและทุกคนมาสอบ


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อยื่นคำฟ้องเอาผิด นายเศรษฐา ทวีสิน และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ในข้อหาฟ้องเท็จ หมิ่นประมาท และละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเรียกค่าเสียหาย 9 หมื่นบาท ในกรณีที่นายเศรษฐา ส่งนายวิญญัติ มายื่นฟ้องตนเองที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กล่าวหากรณีหลีกเลี่ยงภาษีซื้อที่ดินย่านถนนสารสิน และขอให้ลบข้อความวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับการแสดงข้อมูลในครั้งนั้น และเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท

นายชูวิทย์ กล่าวว่าการที่ตนเองมายื่นฟ้องนายเศรษฐา และนายวิญญัติ เพื่อให้ความจริงปรากฏต่อหน้าศาล เมื่อฟ้องมาตนเองก็จะฟ้องกลับ เพราะเมื่อนายเศรษฐา ลงชื่อจะเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และในฐานนะตนเองเป็นประชาชนก็มีสิทธิ์ตรวจสอบได้ทุกประการ ทั้งเรื่องที่ดินสารสิน 12 คน โอน 12 วัน ที่ดินที่ทองหล่อซอย 12 ล่าสุดที่ตนแฉไป


นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า อย่าคิดว่าตนเองจะกลัว เพราะตนเองจะไปยื่นฟ้องที่สภาทนายความให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของนายวิญญัติ ในกรณีที่เปิดเผย พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งตนมองว่า นายวิญญัติ อาจจะเล่นการเมืองเกินไปจนไม่รู้ข้อกฎหมาย

ส่วนเงินที่ตนเองเรียกไปจำนวนเพียง 9 หมื่นบาท นั้นมาจากจำนวนเงินวันละ 1 หมื่นบาท นับตั้งแต่ที่ นายวิญญัติ มายื่นฟ้องตนเมื่อวันที่ 7 สิหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม จำนวน 9 วัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้อยากได้เงิน แต่ต้องการเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ทางฝั่งนายเศรษฐา กลับเรียกเงินจากตนเองจำนวนถึง 500 ล้านบาท และนายชูวิทย์ ยังมั่นใจว่าการยื่นฟ้องในครั้งนี้ศาลจะรับคำฟ้องแน่นอนเพราะหลักฐานที่มีมันชัดเจน อีกทั้งที่ผ่านมาตนเองเคยฟ้อง ทนายษิทรา และ นายสันธนะ มาแล้ว ซึ่งศาลท่านก็รับฟ้องทั้งหมด

ขณะพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) เวลา 10.00 น. นายชูวิทย์ จะเดินทางไป พบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำข้อมูลหลักฐานไปให้และต้องการให้บิ๊กโจ๊ก เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งตัวละครที่เป็นแม่บ้าน เป็น รปภ. เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และนอมีนีทุกคนมาสอบปากคำ เพื่อให้ความจริงกระจ่าง เพราะถือว่าพฤติกรรมของนายเศรษฐา เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบหนึ่ง และเชื่อว่าพฤติกรรมร้ายกาจแบบนี้ถ้าไม่ใช่ผมก็คงไม่มีใครกล้าออกมาแฉ และจากนั้นก็จะเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้สอบสวน บริษัท แสนสิริ ว่ามีการทำสัญญาซื้อขาย กู้ รวมถึงรายรับรายจ่ายทั้งหมดของบริษัท เพราะก็ถือว่าตนเองก็เป็น 1 ในผู้เสียหาย เนื่องจากตนเองก็ถือหุ้นแสนสิริ เช่นกัน จำนวน 2 หมื่นหุ้น ซึ่งตนเองก็ถือหุ้นมานานแล้ว เพราะหุ้นแสนสิริก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์


นายชูวิทย์ บอกว่าตัวเองขำ พราะว่าเมื่อวานนี้มีการแฉ EP.2 ซึ่งเป็นการขุดหลุมพรางไว้ ซึ่งบริษัทแสนสิริ ก็ตกหลุมพรางในทันที โดยการแถลงข่าวตอบโต้ บอกว่าไม่รู้เรื่อง และหากจำได้ตนแฉเอกสารที่เป็นสัญญาจำนองที่ดิน พร้อมตั้งคำถามว่า หากบริษัทจะซื้อที่ก็ซื้อไปเลยทำไมต้องทำสัญญาจำนอง พร้อมถามว่าคนที่ไปซื้อคิดได้ยังไงจะซื้อที่แต่ไปทำสัญญาจำนองก่อน แล้วค่อยครอบสัญญาจำนองโดยสัญญาจะซื้อจะขาย

จากนั้นนายชูวิทย์ ได้โชว์สัญญาจำนอง บ.อักษรย่อ N และบริษัท อักษรย่อ อ. ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ หุ้น 99.99% พร้อมจำนวนเงิน 1 พันล้าน พร้อมถามย้ำว่าทำไมถึงทำสัญญาจำนองก่อนค่อยทำสัญญาซื้อขายในเวลาต่อมา นั่นเพราะว่า คุณจ่ายเงิน 1 พันล้านบาท ให้กับนอมินี และเอา 1 พันล้าน บวกค่าที่หายไปแล้วค่อยไปซื้อ ซึ่งตนมองว่าตรงนี้มันแปลกและอยากรู้ว่าทำแบบนี้ไปทำไม พร้อมถามอีกว่าแล้วเงินทอน 435 ล้านบาท ไปไหน

นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า เจ้าของลายเซ็นในสัญญาจำนองนาย ส. ที่เป็น รปภ.เป็นคนเซ็น ซึ่งมีหุ้น 1 หุ้น ต่อมานาย ส.ขายทิ้ง ก่อนที่จะเอานาย ย. มาแทน ก่อนที่จะปล่อยบริษัททิ้งร้างโดยไม่ส่งงบฯ ต่อกัน 5 ปี

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นายเศรษฐา จะขึ้นเป็นนายกฯ การกระทำพฤติการณ์ซ่อนเร้นแบบนี้ พ่อค้าอย่างตนรู้เช่นเห็นชาติดี ซึ่งกล้ามาฟ้องตน ตนก็กล้าฟ้องกลับ แลกกันหมัดต่อหมัดที่ศาล ยืนยันมีพยานหลักฐานครบถ้วน พร้อมกันนี้ยังคงยืนยันว่าเรื่องนี้พูดเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน อีกอย่างการเป็นบริษัทมหาชน ต้องมีธรรมาภิบาลโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่คุณกลับให้แม่บ้านและ รปภ. มากู้ แล้วเหตุใดตอนชี้แจงทำไมไม่ชี้แจงประเด็นนี้ ซึ่งเจ้าของเก่าคือหมอ น. ซึ่งอยู่ รพ.บำรุงราษฎร์ ให้ไปถามหรือว่าเจ้าของดั้งเดิมคนนี้คุยกับใครในการขาย แม่บ้านหรือ รปภ.เหรอ

จากนั้นนายชูวิทย์ ยกบอร์ดขึ้นมาให้ไปตามหาบุคคลคน ๆ หนึ่ง ชื่อนาง ว. ที่ถือหุ้น 33.33% ของ บริษัทรักษาความปลอดภัย อักษรย่อ พ. ว่าคน ๆ นี้เป็นพี่สาวของใคร ยังเชื่อว่าแม้ว่าจะมีการโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีแต่ก็จะอยู่ไม่ถึง 3 เดือน เพราะจากหลักฐานที่เปิดโปงนั้น แสดงให้เห็นพฤติกรรมของนายเศรษฐา

ส่วนที่ นายเศรษฐา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า นายชูวิทย์ บิดเบือนข้อมูล นายชูวิทย์ได้ถามกลับไปว่าตนเองบิดเบือนตรงไหน และถามกลับว่าที่ปล่อยเงินกู้ 1 พันล้านบาท ให้แม่บ้านและ รปภ. ไม่เคยเจอตัวกันเลยหรอ ไม่เคยอยากรู้เหรอว่าเขาทำอาชีพอะไร ทำงานอะไรที่ไหนถึงปล่อยเงินกู้ไปตั้ง 1 พันล้านบาท และนายชูวิทย์ยังฝากไปถึงแม่บ้าน เชื่อว่าจะต้องมีการได้ส่วนแบ่งไม่มากก็น้อยแต่อาจจะได้ไม่เยอะ และบอกอีกว่า แม่บ้านจะต้องเลือกว่าจะเป็นพยานหรือเป็นผู้ต้องหา แต่กรณีนี้เพราะเชื่อว่าแม่บ้านดังกล่าวมีคนไปบอกให้เงียบ และบอกไปว่าไม่เกี่ยวข้อง ถ้าเป็นอย่างงั้นจะถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ และยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของเศรษฐาที่ปล่อยกู้ให้กับแม่บ้านและ รปภ. ถึง 1 พันล้านบาท ยังไม่เป็นที่กับที่น่าสงสัยอีกหรอ

เมื่อถามว่าการโหวตนายกฯ จะราบรื่นหรือไม่ เนื่องจากว่าพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ชิงตำแหน่งนายกฯ นายชูวิทย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยถามคุณทักษิณแล้วหรือยัง เพราะเมื่อเช้ามีคนรายงานไปให้คุณทักษิณทราบแล้วว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ “ท่านๆ เป็นเหมือนท่านเด๊ะเลย ตอนท่านนั้นซุกหุ้นให้กับคนขับรถและแม่บ้าน ส่วนกรณีนี้ก็ให้มัดจำซื้อขายมูลค่า 1,000 ล้านบาท กับแม่บ้านและ รปภ. จะทำยังไงดี”

เมื่อถามถึง รปภ. คือ นาย ส. หากไปสืบค้นดู เคยเป็นกรรมการบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายแห่ง แสดงว่ามีกระบวนการแบบนี้ในภาคธุรกิจใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีมากกว่านั้น ซึ่งนาย ส. มีชื่อเป็นกรรมการอีก 4 บริษัท ล้วนเกี่ยวกับ บริษัทแสนสิริทั้งสิ้น ให้ไปขุดดูเลย ร่องรอยเห็นหมดโดยเฉพาะร่องรอยทางบัญชี เห็นหมดโกหกกันไม่ได้

ช่วงท้ายนายชูวิทย์ บอกว่า ยังไม่จบแค่นี้ EP.หน้า ตนจะแฉต่อ ซึ่งเป็นที่ดินที่ตั้งที่ สุขุมวิท 12 (ศิวแลนด์) ขณะเดียวกันหลังจากที่ยื่นฟ้องที่ศาลอาญา นายชูวิทย์ ยังเดินทางมาที่สภาทนายความเพื่อยื่นสอบมรรยาททนายความของนายวิญญัติอีกด้วย

ขณะเดียวกันหลังจากที่ยื่นฟ้องที่ศาลอาญานายชูวิทย์ ยังเดินทางมาที่สภาทนายความเพื่อยื่นสอบมรรยาททนายความของนายวิญญัติอีกด้วย และได้พูดสั้นๆ ถึงนายวิญญัติ ว่า หากจะเล่นการเมืองก็เล่นไป การมีอาชีพเป็นนักการเมืองถือเป็นอาสาสมัครจะทำงานเพื่อประเทศชาติไม่มีใครว่า แต่เมื่อเป็นนักการเมืองด้วยและเป็นทนายความ จะต้องถูกกำกับด้วยมรรยาททนายความ จะไปพูดจาเลอะเทอะก้าวล่วงผู้อื่นไม่ได้ และถามไปถึงนายวิญญัติ ว่าไม่รู้กฎหมายเลยเหรอว่ามี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

ชาวกัมพูชาลุกฮือประชิดชายแดนบ้านหนองจาน

4 ก.ย. – สระแก้วตึงเครียด! ชาวกัมพูชาลุกฮือประชิดชายแดนบ้านหนองจาน หลังไทยปักป้ายประกาศให้ออกจากพื้นที่ ขณะที่จังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานชิ้นสำคัญลูกเหล็กสะเก็ดระเบิด “Ball Bearing” ในบ้านประชาชนเหยื่อจรวด BM-21 สถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย นำโดยกำลังทหาร กรมป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้ร่วมกันติดตั้งป้ายประกาศ 3 ภาษา (ไทย–อังกฤษ–เขมร) เพื่อแจ้งเตือนให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่เขตไทย ออกจากบริเวณดังกล่าวโดยทันที หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำในพื้นที่เกินกว่า 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การติดตั้งป้ายดังกล่าว ทำให้กลุ่มชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดนไม่พอใจ และได้รวมตัวกันจำนวนหนึ่ง เคลื่อนเข้ามาใกล้แนวชายแดนฝั่งไทย […]

เพื่อไทย เสนอสูตรใหม่ โหวต “ชัยเกษม” แลกยุบสภาทันที

รัฐสภา 4 ก.ย.-เพื่อไทย เสนอสูตรใหม่ ชวน ปชน. โหวต “ชัยเกษม” แลกยุบสภาทันทีหลังแถลงนโยบาย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณถึงการบรรจุวาระโหวตนายกฯ ไว้ต่อที่ประชุมสภาฯ วันที่ 5 ก.ย. นี้ ว่า เข้าใจว่าอาจจะมีการเสนอให้เลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณา แต่พรรคเพื่อไทยจะขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระและไม่ยอมให้เลื่อนวาระขึ้นมาพิจารณาก่อน อย่างไรก็ดีเชื่อว่าหากมีการลงมติจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอ นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่าตนได้รับการประสานมาจากพรรคประชาชน ให้ขอให้พรรคเพื่อไทยยืนยันต่อการเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมสภาฯ ขณะเดียวกันนั้นได้เรียกร้องว่าหาก นายชัยเกษมได้เป็นนายกฯ หลังการแถลงนโยบายแล้วต้องประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ทันที “ตอนนี้มีข้อเสนอแบบนี้หหลังจากที่แถลงนโยบาย เราจะยุบสภาทันที หากพรรคประชาชนไม่อยากให้เกิดปัญหา กรณีที่ชาวบ้านไม่ยอมรับ ต้องทำตามนี้ ส่วนหนึ่งที่ต้องทำแบบนี้ เพื่อให้นายกฯ ของพรรคเพื่อไทยมีอำนาจยุบสภา หลังจากที่ขณะนี้มีปัญหา” นายวิสุทธิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ห้องประชุมสภา คึกคัก “อนุทิน” เดินทักทายรอบห้อง

รัฐสภา 4 ก.ย.-ห้องประชุมสภาฯ คึกคัก “อนุทิน” เดินทักทายรอบห้อง ไม่เว้นโซน “เพื่อไทย” ขณะที่ สส.พรรคประชาชน บอกลำบากใจโหวต ให้ “เสี่ยหนู” แต่จำเป็นเพื่อผ่าทางตัน พร้อมฝากถึง “แพทองธาร” สารตั้งต้นปัญหา ควรรับผิดชอบมากกว่านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาเดือดร้อน โดยบรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการเลือกกันในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เดินเข้าห้องประชุมเมื่อเวลา 09.20 น.ได้เดินทักทาย สส.พรรคภูมิใจไทย และมีการถ่ายภาพหมู่ในห้องประชุม จากนั้นได้เดินทักทายพูดคุยกับ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และ สส.พรรคประชาชน ในที่นั่งของพรรครวมไทยสร้างชาติ และที่นั่งพรรคประชาชน ขณะที่มี สส.ส่วนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักทาย จับมือ แสดงความยินดีล่วงหน้าที่นายอนุทิน จะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ นอกจากนั้นนายอนุทิน ยังเดินไปทักทายพูดคุยกับ สส.พรรคเพื่อไทย เช่น […]

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย