“ชูวิทย์” แฉ “แสนสิริ” ตั้งนอมินีซื้อที่ดินทองหล่อพันล้าน ถามเงินทอนหายไปไหน

15 ส.ค. – “ชูวิทย์” แฉนิติกรรมอำพรางภายใน 1 วันของ “แสนสิริ” ตั้งนอมินี “แม่บ้าน-รปภ.” ซื้อที่ดินทองหล่อ 1,000 ล้านบาท สร้างคอนโดหรู ถาม เงินทอน 435 ล้านบาท หายไปไหน ระบุต่อไปใครจะซื้อที่ดินราคาสูงให้ขอกู้แสนสิริ รับรองผ่านฉลุย พร้อมหวิดชุลมุนระหว่างแถลงข่าว


สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ (14 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองได้โพสต์ข้อความระบุใจความว่า “ภารกิจแฉเพื่อชาติใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง วันพรุ่งนี้ก็เป็นเพียงอีกวันสำหรับผม แต่จะเป็นวันพิพากษาที่ประชาชนได้รู้ความจริง” ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ เริ่มต้นด้วยการพานายวรัญชัย โชคชนะ นักกิจกรรมทางการเมือง และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เดินเข้ามาภายในห้องแถลงข่าวพร้อมใช้ปี๊บคลุมหัวระบุข้อความ “นายก ดิจิตอล” ก่อนเริ่มต้นกล่าวว่า วันนี้จะขอพูดถึงที่ดินแปลงทองหล่อ ว่าแสนสิริได้มานั้น มีที่มาอย่างไรบ้าง และการที่ตนพูดวันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่มีเตะหมูเข้าปากหมา ตนเป็นประชาชนที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์มีการรับรองในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตนยังมีเอกสารคำฟ้องศาลสำหรับฟ้องร้องต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายเศรษฐา ในข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ คิดค่าเสียหายแค่ 90,000 บาท ไม่ใช่ 500 ล้านบาท คำนวณแล้วตกวันละหมื่นบาท และตนเป็นเพียงบุคคลสาธารณะ แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรี ประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงตนก็ยังไม่เคยวิพากษ์เรื่องส่วนตัวของนายเศรษฐา และไม่เคยแตะต้องพรรคเพื่อไทยด้วย


นายชูวิทย์ กล่าวถึงกระบวนการ ปั่น บวมเงิน ตัดตอน ว่า เริ่มต้นที่จำนวนที่ดิน 9 โฉนด ภายหลังเป็นคอนโดหรู Khun by YOO ส่วนอีก 1 โฉนด เหลือเป็นที่ดินเปล่าภายในซอยทองหล่อ 12 อย่างไรก็ตาม ที่ดินแปลงทองหล่อนี้ เดิมเป็นของนายแพทย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.51 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น (บริษัทจริง) ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.55 ดำเนินการจดจำนอง LH BANK จำนวน 465 ล้านบาท (หนี้) ถัดมาวันที่ 11 ก.พ.58 บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น ขายหุ้นบริษัท 100 ล้านบาท โดยมีขั้นตอนการตัดตอนให้ เอ็น แอนด์ เอ็น เป็นบริษัทนอมีนี ที่มี น.ส.พินิช ถือหุ้น 99.99% นายสมศักดิ์ ถือหุ้น 0.0001% และนายพีระพงษ์ ถือหุ้น 0.0001% และในวันเดียวกันนี้ เอ็น แอนด์ เอ็น ได้ไปขอกู้เงินกับ บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด จำนวน 1,000 ล้านบาท (บริษัทลูกของแสนสิริและนายเศรษฐามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทลำดับที่ 2) เพื่อนำเงินไปปลอดจำนอง 465 ล้านบาทดังกล่าว ทำให้ น.ส.พินิช ได้กำไรจากเงินกู้ หลังปลอดจำนองที่ดิน และซื้อหุ้นจากเจ้าของเดิมในจำนวน 435 ล้านบาท ดังนั้น เงินทอนส่วนนี้หายไปไหน เข้ากระเป๋าของใคร นอกจากนี้ ในวันที่ 24 พ.ค.60 บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ได้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นจาก น.ส.พินิช และนายสมศักดิ์ เป็นนายยงยุทธ ซึ่งก็มีอาชีพเป็น รปภ. ของ บริษัท แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด จำกัด ข้อมูลการเสียภาษีล่าสุดมีการยื่นเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นไม่พบข้อมูลการยื่นภาษีอีก และภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดสกลนคร ก่อนที่ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น จะถูกทิ้งร้างในปี 2558 เพราะไม่มีการส่งงบของบริษัท โดยในพฤติการณ์เช่นนี้ ตนถอดดีเอ็นเอนายเศรษฐาได้คนเดียว เพราะไม่ได้ทำที่นี่เป็นที่แรก และตนขอฝากบอกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยว่าตนไม่เคยทำแบบนี้ ไม่เคยจัดตั้งนอมินี ไม่รู้นายสนธิ เคยทำหรือไม่ และตนก็มีคำพิพากษาที่นายสนธิ โกงผู้ถือหุ้นเหมือนกัน มีการปลอมรายนามเอกสารการประชุมผู้ถือหุ้น

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า เหตุใด บ.แสนสิริ จึงให้ น.ส.พินิช กู้เงินซื้อที่ดินทองหล่อถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีอาชีพแม่บ้านเท่านั้น ข้อมูลการเสียภาษีก็ไม่พบทั้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น 435 ล้านบาท หายไปไหน ส่วนนายสมศักดิ์ ก็มีอาชีพ รปภ. จากบริษัท แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด จำกัด ภูมิลำเนาบ้านอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนการยื่นเสียภาษีล่าสุดพบเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นไม่พบการยื่นข้อมูลการเสียภาษีอีก ดังนั้น นายเศรษฐา จะพูดอีกหรือไม่ว่าตัวเองเซ็นอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นนอมินีให้ ตนจึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ซื้อตรงเลย แต่กลับให้ บ.อาณาวรรธน์ จำกัด ไปจัดตั้งนอมินีแล้วให้คนเหล่านี้ไปกู้เงิน ทำการซื้อที่ดินแปลงทองหล่อ นี่คือสิ่งโสมมที่ให้บริษัทลูก หรือการเอาเงินของผู้ถือหุ้นแสนสิริมาใช้ หนี้มันแค่ 565 ล้านบาท แต่ให้กู้ 1,000 ล้านบาท เงินทอน 435 ล้านหาย ดังนั้น ถ้านายทักษิณ มีพฤติกรรมซุกหุ้น นายเศรษฐาก็คือโกงหุ้นนั่นเอง

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎของนายเศรษฐาคือให้ทุกคนกู้ได้หมด ทั้งแม่บ้าน ทั้ง รปภ. เพราะมีตัวอย่างแล้ว หากใครเดินไปทองหล่อไม่ต้องมีเครดิตอะไร เเล้วถ้าต้องการไปซื้อที่ดินแปลงใด ก็ให้ไปหาแสนสิริเพื่อขอกู้ จากนั้นเอาเงินไปจ่าย เงินที่เหลือเอาเก็บใส่กระเป๋าไป อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้รับชุดข้อมูลจากตนในวันนี้แล้ว ขอให้พิจารณาเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีที่ดินแปลงใดที่แสนสิริซื้อตรง มีแต่ตั้งมอมินีไปดักซื้อกลางทาง อีกทั้งตนขอให้โอกาสนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้โทรบอกนายที่อยู่แดนไกลว่า นายเศรษฐา วันที่ 18 ส.ค.นี้คงไม่ไหวแล้ว ถ้ายังไหว ชูวิทย์คงพูดต่ออีก เพราะนายเศรษฐา โดนแฉว่าให้ รปภ. กับแม่บ้านกู้เงิน 1,000 ล้านบาท และอุ๊งอิ๊งก็คงไม่ไหว นายชัยเกษม ก็ไม่ไหว และที่ตนพูดในกรณีนี้ก็พูดโดยมีหลักฐานทั้งหมด พร้อมอยู่สู้ทุกชั้นศาล ไม่ว่าจะศาลฎีกาก็ตาม ตนจะฉีดยาฆ่ามะเร็งเพื่อขอสู้ต่อไป


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านายชูวิทย์ ยังได้มีการโชว์แก้วที่ภายในบรรจุน้ำสีเหลือง พร้อมระบุว่า พวกคุณกินมิ้นต์ช็อก ประชาช็อก ส่วนตนก็กินมิ้นต์ฉี่แทน พร้อมทั้งแซวฝากไปให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล อีกด้วย รวมถึงยังหวิดเกิดเหตุการณ์ชุลมุน เนื่องจากนายชูวิทย์ ได้ฝากบอกนักข่าวชายรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในห้องแถลงข่าวด้วยนั้น โดยเป็นนักข่าวของสำนักข่าวนายสนธิ ว่า รอบหน้าให้นายสนธิ มาเอง อย่าส่งลูกกระจ๊อกมา ทำให้เกิดการโต้เถียงกันดุเดือด โดยนายชูวิทย์ กล่าวอ้างว่า ชายรายดังกล่าวไม่ใช่นักข่าว และสอนให้มีจรรยาบรรณ อย่าเขียนโจมตีตน อย่าเอาเรื่องไม่จริงมาพูด และจะฝากให้นำคำพิพากษาไปให้นายสนธิ ทำให้นักข่าวชายกล่าวตอบโต้ว่า อันไหนเขียนไม่ตรงก็ฟ้องไปเลย เพราะตนไม่ใช่คนเขียนทุกอย่างทั้งหมดคนเดียว ส่วนไหนที่เมเนเจอร์เขียนก็ส่วนหนึ่ง ตนไม่ได้รับทำหน้าที่นั้นๆ จะมาบอกว่าตนไม่ใช่นักข่าวไม่ได้ ทำให้นายชูวิทย์ กล่าวตอบกลับว่า หากอยากฟังก็ฟัง ไม่ฟังก็ออกไปได้ พร้อมกับห้ามไม่ให้เข้ามาอีก และเชิญออกจากที่แถลงข่าว และยังจะฝากมิ้นต์ฉี่ไปให้นายสนธิด้วย เป็นเหตุให้นักข่าวรายดังกล่าวไม่พอใจ เพราะถูกเอ่ยชื่อพาดพิงในห้องแถลงข่าวบ่อยครั้ง และยังกล่าวโจมตีว่าไม่ใช่นักข่าว เป็นเด็กของนายสนธิ จึงขอปลีกตัวออกจากห้องแถลงข่าวทันที

นายชูวิทย์ ยังกล่าวต่อว่า ตนได้ตามไปที่สหรัฐอเมริกาพบว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ข้างกายนายเศรษฐา โดยชื่อที่ชาวต่างชาติเรียก คือ Mr.T หรือขงเบ้ง หรือ นายทศพงศ์ คนนี้ซื้อโรงแรมห้าดาวได้ เป็นบุคคลข้างกายและเป็นนายทุนให้นายเศรษฐา พร้อมมองว่ารัฐบาลนายเศรษฐา จะเป็นรัฐบาลนอมินี รัฐบาลดิจิตอล ซ่อนเร้น อำพราง ปิดบัง เพราะการที่ไม่กล้าใช้บริษัทตัวเองซื้อตรง ใช้นอมินีไปซื้อ จะปฏิเสธอีกหรือไม่ว่าไม่รู้ทั้งเรื่องแปลงที่ดินทองหล่อ สุขุมวิท สารสิน การกระทำของนายเศรษฐาสร้างความเคลือบแคลงน่าสงสัย ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ขอเตือนให้ถอยตั้งแต่วันนี้ แม้มาด้วยรถไฟขบวนความเร็วสูง แต่ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยยังมีคนที่มีความรู้ความสามารถอีกมาก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลังจากตนแฉนายเศรษฐาและแสนสิริ ปรากฏมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาตลอดให้ตนงดพูดเรื่องนี้ แลกกับการที่เรื่องของตนจะไม่ถูกพูด ตนบอกเลยว่าพูดไปได้เลย ตนไม่ใช่คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่กลัว แต่นายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังระบุทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ ตนจะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมภิบาลของ บ.แสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา โดยตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา เพราะเชื่อว่าข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผลแน่นอน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย