“ชูวิทย์” แฉ “แสนสิริ” ตั้งนอมินีซื้อที่ดินทองหล่อพันล้าน ถามเงินทอนหายไปไหน

15 ส.ค. – “ชูวิทย์” แฉนิติกรรมอำพรางภายใน 1 วันของ “แสนสิริ” ตั้งนอมินี “แม่บ้าน-รปภ.” ซื้อที่ดินทองหล่อ 1,000 ล้านบาท สร้างคอนโดหรู ถาม เงินทอน 435 ล้านบาท หายไปไหน ระบุต่อไปใครจะซื้อที่ดินราคาสูงให้ขอกู้แสนสิริ รับรองผ่านฉลุย พร้อมหวิดชุลมุนระหว่างแถลงข่าว


สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ (14 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองได้โพสต์ข้อความระบุใจความว่า “ภารกิจแฉเพื่อชาติใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง วันพรุ่งนี้ก็เป็นเพียงอีกวันสำหรับผม แต่จะเป็นวันพิพากษาที่ประชาชนได้รู้ความจริง” ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ เริ่มต้นด้วยการพานายวรัญชัย โชคชนะ นักกิจกรรมทางการเมือง และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เดินเข้ามาภายในห้องแถลงข่าวพร้อมใช้ปี๊บคลุมหัวระบุข้อความ “นายก ดิจิตอล” ก่อนเริ่มต้นกล่าวว่า วันนี้จะขอพูดถึงที่ดินแปลงทองหล่อ ว่าแสนสิริได้มานั้น มีที่มาอย่างไรบ้าง และการที่ตนพูดวันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่มีเตะหมูเข้าปากหมา ตนเป็นประชาชนที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์มีการรับรองในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตนยังมีเอกสารคำฟ้องศาลสำหรับฟ้องร้องต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายเศรษฐา ในข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ คิดค่าเสียหายแค่ 90,000 บาท ไม่ใช่ 500 ล้านบาท คำนวณแล้วตกวันละหมื่นบาท และตนเป็นเพียงบุคคลสาธารณะ แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรี ประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงตนก็ยังไม่เคยวิพากษ์เรื่องส่วนตัวของนายเศรษฐา และไม่เคยแตะต้องพรรคเพื่อไทยด้วย


นายชูวิทย์ กล่าวถึงกระบวนการ ปั่น บวมเงิน ตัดตอน ว่า เริ่มต้นที่จำนวนที่ดิน 9 โฉนด ภายหลังเป็นคอนโดหรู Khun by YOO ส่วนอีก 1 โฉนด เหลือเป็นที่ดินเปล่าภายในซอยทองหล่อ 12 อย่างไรก็ตาม ที่ดินแปลงทองหล่อนี้ เดิมเป็นของนายแพทย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.51 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น (บริษัทจริง) ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.55 ดำเนินการจดจำนอง LH BANK จำนวน 465 ล้านบาท (หนี้) ถัดมาวันที่ 11 ก.พ.58 บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น ขายหุ้นบริษัท 100 ล้านบาท โดยมีขั้นตอนการตัดตอนให้ เอ็น แอนด์ เอ็น เป็นบริษัทนอมีนี ที่มี น.ส.พินิช ถือหุ้น 99.99% นายสมศักดิ์ ถือหุ้น 0.0001% และนายพีระพงษ์ ถือหุ้น 0.0001% และในวันเดียวกันนี้ เอ็น แอนด์ เอ็น ได้ไปขอกู้เงินกับ บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด จำนวน 1,000 ล้านบาท (บริษัทลูกของแสนสิริและนายเศรษฐามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทลำดับที่ 2) เพื่อนำเงินไปปลอดจำนอง 465 ล้านบาทดังกล่าว ทำให้ น.ส.พินิช ได้กำไรจากเงินกู้ หลังปลอดจำนองที่ดิน และซื้อหุ้นจากเจ้าของเดิมในจำนวน 435 ล้านบาท ดังนั้น เงินทอนส่วนนี้หายไปไหน เข้ากระเป๋าของใคร นอกจากนี้ ในวันที่ 24 พ.ค.60 บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ได้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นจาก น.ส.พินิช และนายสมศักดิ์ เป็นนายยงยุทธ ซึ่งก็มีอาชีพเป็น รปภ. ของ บริษัท แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด จำกัด ข้อมูลการเสียภาษีล่าสุดมีการยื่นเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นไม่พบข้อมูลการยื่นภาษีอีก และภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดสกลนคร ก่อนที่ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น จะถูกทิ้งร้างในปี 2558 เพราะไม่มีการส่งงบของบริษัท โดยในพฤติการณ์เช่นนี้ ตนถอดดีเอ็นเอนายเศรษฐาได้คนเดียว เพราะไม่ได้ทำที่นี่เป็นที่แรก และตนขอฝากบอกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยว่าตนไม่เคยทำแบบนี้ ไม่เคยจัดตั้งนอมินี ไม่รู้นายสนธิ เคยทำหรือไม่ และตนก็มีคำพิพากษาที่นายสนธิ โกงผู้ถือหุ้นเหมือนกัน มีการปลอมรายนามเอกสารการประชุมผู้ถือหุ้น

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า เหตุใด บ.แสนสิริ จึงให้ น.ส.พินิช กู้เงินซื้อที่ดินทองหล่อถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีอาชีพแม่บ้านเท่านั้น ข้อมูลการเสียภาษีก็ไม่พบทั้งข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น 435 ล้านบาท หายไปไหน ส่วนนายสมศักดิ์ ก็มีอาชีพ รปภ. จากบริษัท แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด จำกัด ภูมิลำเนาบ้านอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนการยื่นเสียภาษีล่าสุดพบเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นไม่พบการยื่นข้อมูลการเสียภาษีอีก ดังนั้น นายเศรษฐา จะพูดอีกหรือไม่ว่าตัวเองเซ็นอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นนอมินีให้ ตนจึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ซื้อตรงเลย แต่กลับให้ บ.อาณาวรรธน์ จำกัด ไปจัดตั้งนอมินีแล้วให้คนเหล่านี้ไปกู้เงิน ทำการซื้อที่ดินแปลงทองหล่อ นี่คือสิ่งโสมมที่ให้บริษัทลูก หรือการเอาเงินของผู้ถือหุ้นแสนสิริมาใช้ หนี้มันแค่ 565 ล้านบาท แต่ให้กู้ 1,000 ล้านบาท เงินทอน 435 ล้านหาย ดังนั้น ถ้านายทักษิณ มีพฤติกรรมซุกหุ้น นายเศรษฐาก็คือโกงหุ้นนั่นเอง

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎของนายเศรษฐาคือให้ทุกคนกู้ได้หมด ทั้งแม่บ้าน ทั้ง รปภ. เพราะมีตัวอย่างแล้ว หากใครเดินไปทองหล่อไม่ต้องมีเครดิตอะไร เเล้วถ้าต้องการไปซื้อที่ดินแปลงใด ก็ให้ไปหาแสนสิริเพื่อขอกู้ จากนั้นเอาเงินไปจ่าย เงินที่เหลือเอาเก็บใส่กระเป๋าไป อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้รับชุดข้อมูลจากตนในวันนี้แล้ว ขอให้พิจารณาเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีที่ดินแปลงใดที่แสนสิริซื้อตรง มีแต่ตั้งมอมินีไปดักซื้อกลางทาง อีกทั้งตนขอให้โอกาสนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้โทรบอกนายที่อยู่แดนไกลว่า นายเศรษฐา วันที่ 18 ส.ค.นี้คงไม่ไหวแล้ว ถ้ายังไหว ชูวิทย์คงพูดต่ออีก เพราะนายเศรษฐา โดนแฉว่าให้ รปภ. กับแม่บ้านกู้เงิน 1,000 ล้านบาท และอุ๊งอิ๊งก็คงไม่ไหว นายชัยเกษม ก็ไม่ไหว และที่ตนพูดในกรณีนี้ก็พูดโดยมีหลักฐานทั้งหมด พร้อมอยู่สู้ทุกชั้นศาล ไม่ว่าจะศาลฎีกาก็ตาม ตนจะฉีดยาฆ่ามะเร็งเพื่อขอสู้ต่อไป


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านายชูวิทย์ ยังได้มีการโชว์แก้วที่ภายในบรรจุน้ำสีเหลือง พร้อมระบุว่า พวกคุณกินมิ้นต์ช็อก ประชาช็อก ส่วนตนก็กินมิ้นต์ฉี่แทน พร้อมทั้งแซวฝากไปให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล อีกด้วย รวมถึงยังหวิดเกิดเหตุการณ์ชุลมุน เนื่องจากนายชูวิทย์ ได้ฝากบอกนักข่าวชายรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในห้องแถลงข่าวด้วยนั้น โดยเป็นนักข่าวของสำนักข่าวนายสนธิ ว่า รอบหน้าให้นายสนธิ มาเอง อย่าส่งลูกกระจ๊อกมา ทำให้เกิดการโต้เถียงกันดุเดือด โดยนายชูวิทย์ กล่าวอ้างว่า ชายรายดังกล่าวไม่ใช่นักข่าว และสอนให้มีจรรยาบรรณ อย่าเขียนโจมตีตน อย่าเอาเรื่องไม่จริงมาพูด และจะฝากให้นำคำพิพากษาไปให้นายสนธิ ทำให้นักข่าวชายกล่าวตอบโต้ว่า อันไหนเขียนไม่ตรงก็ฟ้องไปเลย เพราะตนไม่ใช่คนเขียนทุกอย่างทั้งหมดคนเดียว ส่วนไหนที่เมเนเจอร์เขียนก็ส่วนหนึ่ง ตนไม่ได้รับทำหน้าที่นั้นๆ จะมาบอกว่าตนไม่ใช่นักข่าวไม่ได้ ทำให้นายชูวิทย์ กล่าวตอบกลับว่า หากอยากฟังก็ฟัง ไม่ฟังก็ออกไปได้ พร้อมกับห้ามไม่ให้เข้ามาอีก และเชิญออกจากที่แถลงข่าว และยังจะฝากมิ้นต์ฉี่ไปให้นายสนธิด้วย เป็นเหตุให้นักข่าวรายดังกล่าวไม่พอใจ เพราะถูกเอ่ยชื่อพาดพิงในห้องแถลงข่าวบ่อยครั้ง และยังกล่าวโจมตีว่าไม่ใช่นักข่าว เป็นเด็กของนายสนธิ จึงขอปลีกตัวออกจากห้องแถลงข่าวทันที

นายชูวิทย์ ยังกล่าวต่อว่า ตนได้ตามไปที่สหรัฐอเมริกาพบว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ข้างกายนายเศรษฐา โดยชื่อที่ชาวต่างชาติเรียก คือ Mr.T หรือขงเบ้ง หรือ นายทศพงศ์ คนนี้ซื้อโรงแรมห้าดาวได้ เป็นบุคคลข้างกายและเป็นนายทุนให้นายเศรษฐา พร้อมมองว่ารัฐบาลนายเศรษฐา จะเป็นรัฐบาลนอมินี รัฐบาลดิจิตอล ซ่อนเร้น อำพราง ปิดบัง เพราะการที่ไม่กล้าใช้บริษัทตัวเองซื้อตรง ใช้นอมินีไปซื้อ จะปฏิเสธอีกหรือไม่ว่าไม่รู้ทั้งเรื่องแปลงที่ดินทองหล่อ สุขุมวิท สารสิน การกระทำของนายเศรษฐาสร้างความเคลือบแคลงน่าสงสัย ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ขอเตือนให้ถอยตั้งแต่วันนี้ แม้มาด้วยรถไฟขบวนความเร็วสูง แต่ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยยังมีคนที่มีความรู้ความสามารถอีกมาก อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลังจากตนแฉนายเศรษฐาและแสนสิริ ปรากฏมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาตลอดให้ตนงดพูดเรื่องนี้ แลกกับการที่เรื่องของตนจะไม่ถูกพูด ตนบอกเลยว่าพูดไปได้เลย ตนไม่ใช่คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่กลัว แต่นายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังระบุทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ ตนจะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมภิบาลของ บ.แสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา โดยตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา เพราะเชื่อว่าข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผลแน่นอน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย