กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – วันนี้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” หอบหลักฐานไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ กรณีมีชื่อเป็นเจ้าของรถคันที่ถูกสวมทะเบียน เราจะไปย้อนดูการทำงานของขบวนการสวมทะเบียน หลังตำรวจจับผู้ต้องหา 2 คน ลักลอบเข้าระบบกรมการขนส่งทางบก แก้ประวัติทะเบียนรถ
มาริโอ้ เมาเร่อ พระเอกดัง หอบหลักฐานเข้าพบตำรวจไซเบอร์ กรณีมีชื่อครอบครองรถคลาสสิคที่สวมทะเบียน โดยมาริโอ้ บอกว่าไม่ได้กังวลอะไร มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วนรายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผยที่มาว่าได้ครองครองรถคันนี้ได้อย่างไร
รองผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ บอกว่า รถที่เป็นปัญหาคือรถเบนซ์ G-300 มีชื่อมาริโอ้เป็นผู้ครองครอง โดยมาริโอ้ให้การว่า นายก้อง รุ่นพี่ติดต่อขายรถให้ในราคา 1.5 ล้านบาท เมื่อเดือน ธ.ค.65 โดยทำสัญญามัดจำ 5 แสนบาท กำหนดส่งมอบรถใน 60 วัน แต่เมื่อถึงกำหนดกลับไม่ได้รถตามที่ตกลง จึงนัดหมายคืนเงินมัดจำกัน แต่ยังไม่ได้โอนชื่อกลับ จนถูกตรวจสอบเสียก่อน
นี่คือรถ 1 ใน 65 คันที่อยู่ในแก๊งสวมทะเบียน ที่ถูกตำรวจ และกรมการขนส่งทางบก เปิดปฏิบัติการพลิกถนนล่า รหัสโจรกรรมตรวจสอบ ขบวนการนี้ตำรวจจับกุมนายเสถียร และนายศริสร 2 ผู้ต้องหาที่นำยูสเซอร์เนมของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่ง เจาะระบบเข้าไปแก้ข้อมูลสมุดทะเบียนรถ หรือ สวมทะเบียน 65 คัน เรียกเก็บเงินค่าสวมทะเบียนคันละ 1.4–2 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 77 ล้านบาท
ทีมข่าวสำนักข่าวไทย พาย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของเครือข่ายสวมทะเบียนนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องมีคนในกรมการขนส่งทางบกเป็นคนเปิดทางให้ รู้เห็น ให้รหัสผ่าน แก่นายเสถียร ผู้ต้องหา เพื่อเข้าไปแก้ไขข้อมูลเล่มทะเบียนรถ หรือสวมทะเบียน ก่อนนำไปขายเล่มละ 1-2 ล้านบาท
เราได้ภาพชายคนนี้ ที่ถูกระบุว่าคือนายเสถียร ผู้ต้องหาเครือข่ายสวมทะเบียน แหล่งข่าวบอกว่าเขาเข้าออกในกรมการขนส่งทางบกมาเป็นเวลา 20 ปี รู้จักเจ้าหน้าที่ทุกชั้น เจ้าหน้าที่ใหม่บางคนเวลาเดินผ่านยังยกมือไหว้นายเสถียร โดยเราสังเกตทะเบียนรถที่เขาใช้ ยังเป็นเลขสวย 9999 ที่ใครๆ ก็ต้องการ
จากข้อมูลการสืบสวน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่แกะรอยจนพบความผิดปกติในการเข้าใช้งานข้อมูลของผู้ดูแลระบบงานด้านทะเบียนรถยนต์ จนพบว่ามีการลักลอบนำยูสเซอร์เนม และพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกไป แก้ไขปรับปรุงข้อมูลรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในระบบงานตรวจสภาพรถ เช่น ยี่ห้อรถ หมายเลขตัวรถ จากนั้นเครือข่ายนี้ก็ไปแจ้งหาย เพื่อขอทำเล่มใหม่ ข้อมูลที่ได้ก็กลายเป็นรถถูกกฎหมายขึ้นมาทันที จากนั้นเครือข่ายนี้ จึงนำเล่มทะเบียนไปขายให้นักสะสม นักเล่นรถที่สนใจ จากรถผิดกฎหมาย กลายเป็นรถมีทะเบียนถูกต้อง
จากการสอบสวน นายเสถียร ให้การสารภาพว่า เขาแอบจดจำรหัสพาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ไปแอบแก้ข้อมูล ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ล่าสุดตำรวจพบว่าแก๊งนี้ได้เจาะข้อมูลสวมทะเบียนรถไปจำนวน 65 คัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ รถที่มีอยู่จริงมีทะเบียนพร้อม และอีกกลุ่มคือ มีแต่ทะเบียน ไม่มีตัวรถ ซึ่งขณะนี้ตำรวจตามยึดรถมาได้แล้ว 16 คัน
สำหรับกรณีที่รถมีอยู่จริง ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของนักสะสมรถ แต่เนื่องด้วยรถบางยี่ห้อนั้นหายากในไทย ต้องนำเข้าซากและขิ้นส่วนจากต่างประเทศ มาปรับปรุงให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ ก่อนจะสวมทะเบียนให้กลายเป็นรถที่ถูกต้อง ทำให้มีราคาสูงขึ้น ทำกำไรดี เป็นที่ต้องการของนักสะสม จึงเข้าทางเครือข่ายที่หากินกับซากรถ ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลว่ามีคนในเกี่ยวข้องมากน้อยขนาดไหน.-สำนักข่าวไทย