“ชมพู่” ให้ปากคำเพิ่ม แจงปมบุกห้องพักแค่เข้าไปเอากุญแจรถ

กรุงเทพฯ 9 ส.ค.- “ชมพู่” ให้ปากคำเพิ่มเติมกับ ตร.ทุ่งสองห้อง ในคดีอดีตสามีก่อเหตุฆ่ายกครัว พร้อมแจงปมบุกห้องพัก ยืนยันเข้าไปเอากุญแจรถจักรยานยนต์ที่เป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น


เวลา 14.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พานางสาววิระยา หรือชมพู่ อดีตภรรยาของนายสมชาย วิน จยย.ผู้ก่อเหตุฆ่ายกครัวในซอย แจ้งวัฒนะ 6 เข้าพบ พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม

ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง บอกว่า คดีนี้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาร่วมสอบปากคำ เนื่องจากเกิดขึ้นรวม 3 สถานที่ และมีพยานหลายปากที่จะต้องเร่งสอบปากคำให้สิ้นข้อสงสัย โดยขณะนี้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 4 คน เหลือพยานแวดล้อมอีก 4 คน ที่อยู่ระหว่างการประสานเข้าให้ปากคำ นอกจากนี้ประสานกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เข้ามาดูแลเรื่องการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว และถึงแม้ผู้ต้องหาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตำรวจก็ต้องสอบพยานทุกปาก เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง สำหรับมูลเหตุจูงใจ จากการสอบสวนเป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอ มีปัญหาเรื่องหนี้สินและปัญหาครอบครัว จากการตรวจสอบยังไม่พบประเด็นอื่น สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนไทยประดิษฐ์แบบหักลำขนาด .38 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของปืน


ส่วนคดีความบุกรุกที่ลูกสาวของผู้ก่อเหตุมาเเจ้งความ เรื่องนางสาวชมพู่ บุกไปงัดห้องของผู้ก่อเหตุนั้น ผู้กำกับการ สน.ทุ่งสองห้อง ระบุว่าจะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ด้านนางสาวชมพู่ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาครอบครัว พร้อมระบุว่าตอนคบหากับผู้ก่อเหตุในช่วงแรกนั้น ยังไม่มีทรัพย์สินใดๆ จนกระทั่งช่วยกันทำมาหาเงินจนมีทรัพย์สินที่ร่วมกันซื้อหลายอย่าง เช่น คอนโดฯ 1 ห้อง ที่ได้จากเงินประกันโควิดนำมาซื้อ, รถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 4 คัน โดยคอนโดฯ เป็นชื่อผู้ก่อเหตุ ส่วนรถ 2 คัน เป็นชื่อของตน ดังนั้นวันที่ตนบุกไปที่คอนโดฯ ก็เนื่องจากไปเอากุญแจรถคันที่เป็นชื่อของตนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะไปเอาทรัพย์สินอย่างอื่น ก่อนหน้านี้คิดว่าจะเลิกกับผู้ก่อเหตุมานานแล้ว เนื่องจากพฤติกรรมไม่ดี ชอบพูดจาข่มขู่ ก้าวร้าวคนในครอบครัว ไม่ให้เกียรติตน และไม่รักลูกของตน

ส่วนเรื่องปัญหาหนี้สินที่ตำรวจพูดถึง เป็นการเล่นแชร์กับคนในซอย เป็นแชร์วงเดียวไม่มีเท้าเเชร์ (กติกาการเล่น เงินต้นวงละ 20,000 บาท ยอดส่งมือละ 1,000 บาท จำนวน 15 วัน) ยืนยันว่าไม่เคยหอบเงินหนีชาวบ้านตามที่ถูกกล่าวหา แต่สาเหตุที่ลูกแชร์คนอื่นติดต่อตนไม่ได้ เพราะตนมีปัญหาครอบครัว ยืนยันว่าในเรื่องหนี้สินนั้น มีเพียงเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว ไม่ได้มีหนี้สินนอกระบบหรือหนี้สินอื่นๆ แต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวได้ถามนางสาวชมพู่ ถึงสาเหตุที่อยากได้เพียงรถ เเต่ไม่อยากได้คอนโดฯ ทั้งที่มีมูลค่าสูงกว่า นางสาวชมพู่ ชี้เเจงว่าผู้ก่อเหตุอายุมากแล้ว และชีวิตก็ไม่เหลือใคร ตนเองก็ตั้งใจจะเก็บให้เจ้าตัวได้พักอาศัยในยามบั้นปลาย เพราะมองว่าตนอายุยังน้อยกว่า ยังมีโอกาสหาเงินได้มากกว่า

ส่วนเรื่องกระแสข่าวว่าตนเปิดรับบริจาค ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนเองติดต่อขอไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ก็เพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องจัดงานศพเท่านั้น เพราะเงินที่ตนมีอยู่เพิ่งจ่ายค่าเทอมให้ลูกชายทั้งสองคนไป จึงไม่มีเงินใช้จ่าย เพราะค่าทำศพทั้ง 4 ศพ จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 บาท

สำหรับสภาพจิตใจของตนตอนนี้ย่ำแย่มาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะต้องสูญเสียลูกพร้อมกันถึง 2 คน นางสาวชมพู่ ยังเล่าถึงความน่ารักของลูกชายคนโตวัย 9 ขวบ เคยพูดกับตนว่า ถ้าโตขึ้นหนูจะเลี้ยงดูแลแม่ แต่สุดท้ายลูกชายก็มาถูกฆ่าเสียชีวิต และหลังจากที่ได้ติดตามข่าวช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของคนในครอบครัวผู้ก่อเหตุทั้งลูกสาวและอดีตภรรยา ที่โจมตีกล่าวหาตนต่างๆ นานา ในเรื่องการคบหาผู้ชายซ้อน ยืนยันว่าตนเองจดทะเบียนหย่ากับผู้ก่อเหตุไปแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน ซึ่งในฐานะลูกผู้หญิงอยากจะให้เข้าใจกัน การเริ่มต้นกับคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนเองไม่อยากมีคนใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าหาคนที่เราอยู่ด้วยเขาดี รักลูก รักครอบครัวเรา ก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนนั้นไปนานๆ

เมื่อเวลา 16.30 น. น.ส.ชมพู่ อดีตภรรยาของนายสมชาย ผู้ก่อเหตุฆ่ายกครัว 4 ศพ พร้อมญาติ นิมนต์พระจากวัดหลักสี่มาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย

จุดแรกบริเวณแผงขายลอตเตอรี่กลางตลาดนิกแน็ก ซอยแจ้งวัฒนะ 6 ซึ่งเป็นจุดที่นางโสภา อายุ 59 ปี ถูกยิงก่อนไปเสียชีวิตที่ีโรงพยาบาล จุดที่ 2 ภายในห้องชั้น 5 คอนโดฯ บ้านสวนรัช ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.ทวี อายุ 60 ปี ด.ช.ธนกฤต อายุ 7 ขวบ ถูกยิงเสียชีวิตภายในห้อง ส่วน ด.ช.กฤตภาส อายุ 9 ขวบ ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ภายหลังการทำพิธีเสร็จสิ้น น.ส.ชมพู่ และญาติ ได้เดินทางไปยังวัดเกาะ เพื่อร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ โดยมีนางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เป็นเจ้าภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”